หุ้นไทยกับหุ้นต่างประเทศ  ต่างกันอย่างไร? 

ถ้าหากจะพูดถึงการเล่นหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ  หลักการจริงๆก็มีอะไรที่คล้ายกันอยู่แล้วเพราะการเล่นหุ้นก็เหมือนกับการที่เราลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราลงทุนทำธุรกิจจริง ผู้บริหารทำงานจริง ไม่ใช่เล่นหุ้น แนวคิดการลงทุนก็เหมือนกันนั่นเอง 

แต่ก็ยังมีความแตกต่างอื่นๆของทั้งสองหุ้น ที่เป็นรายละเอียดในการลงทุนระหว่างเล่นหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ เรามาดูกันเป็นข้อๆกันเลยว่าแต่ละหุ้นแตกต่างกันอย่างไร 

ผลตอบแทน

ในภาพรวมของผลตอบแทนเราอาจจะไม่ได้จริงๆแล้วก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนขนาดนั้นเพราะมีบางประเทศที่ผลตอบแทนแย่กว่าไทย  และบางประเทศผลตอบแทนดีกว่าไทย  แต่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนที่ค่อนข้างมากกว่า หากมองผลตอบแทนระยะยาวอาจจะไม่คุ้มค่า 

แต่หากเป็นหุ้นต่างประเทศก็จะไม่ค่อยมีความผันผวนมากนัก เพราะตัวหุ้นจะมีแนวโน้มขึ้นค่อนข้างมาก นอกเสียจากไม่มีสถานการณ์ หรือหากไม่มีวิตกฤตต่างๆ ตัวหุ้นต่างประเทศก็จะดิ่งลงต่ำ 

สภาพคล่อง

ในหุ้นต่างประเทศจะมีความคล่องตัวสูงมากกว่า และยังมี market maker หรือที่เรียกกกันว่าคนที่ทำให้สภาพตลาดคล่องนั้นที่จะคอยช่วย แต่ในไทยจะไม่มี market make ทำให้ไม่มีสภาพคล่องเท่าต่างประเทศ ก็ไม่น่าแปลกใจถ้านักลงทุนส่วนใหญ่จะชอบลงทุนกับหุ้นต่างประเทศเสียมากกว่า 

การติดตามหาข้อมูลข่าวสาร

ในส่วนของหุ้นไทยการหาข้อมูลติดตามข่าวสารที่จะพบเห็นได้ง่ายกกว่า และเมื่อมีการลงทุนไปก็สามารถติดตามได้ง่ายอีก

แต่ในหุ้นต่างประเทศอาจจะต้องมีการศึกษาค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ตลาดหุ้นของทางต่างประเทศ ให้ความรู้และต้องทำความเข้าใจให้มากกขึ้น แต่ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ จริงๆแล้วก็สามารถหาได้จากเว็บไซต์ของไทยที่รวบรวมไว้ให้ได้เหมือนกัน 

ความเสี่ยง

      การลงทุนในหุ้นต่างประเทศหลายคนอาจจะมองว่า มันเสี่ยงมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้แปลว่ามันเสี่ยงมากกว่าหรือเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นไทย 

      ความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับว่าเรารู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทนั้นหรือไม่  แค่เพียงว่าเราเข้าใจหรือพยายามหาข้อมูลเพื่อศึกษากี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจมันได้หรือเปล่ามากกว่า  เพราะฉะนั้นค่าเสี่ยงของทั้งสองหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศ ก็ไม่ได้ต่างกันเลย 

ค่าธรรมเนียมอื่นๆ

ค่าธรรมเนียมการซื้อขายโดยรวมในต่างประเทศจะแพงกว่าหุ้นไทย  แต่ก็จะมีวิธีการที่ไปติดต่อกับการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศได้โดยตรงที่อาจจะถูกลงกว่า 

 บทสรุปข้อแตกต่างในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ อย่างที่เรากล่าวไปเบื้องต้นเลยที่คือมันก็ไม่ต่างอะไรกันมากนัก ผู้เขียนคิดว่าหากเราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ศึกษาหุ้นต่างประเทศไว้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย

ซึ่งหากจะพูดถึงกระแสการลงทุนในยุคนี้ถือว่ามาแรงมากๆ หากใครกำลังสนใจการลงทุน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเลยคือ การเลือกโบรกเกอร์ ที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักลงทุน ยกตัวอย่าง เช่น ต้องเป็นโบรกที่สามารถเทรดได้หลากหลายตลาด, มีการฝากเงินที่รวดเร็ว, ค่า Commission ต่ำ เป็นต้น