เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานข้อมูลที่ทำการจัดทำเป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี ซึ่งครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงิน , การจัดหาเงินทุนของผู้ก่อการร้าย , และการจัดหาเงินทุนเพื่อการขยายตัวขององค์กร ซึ่งแม้จะมีความกังวลเพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับอาชญากรรม Crypto และการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร แต่สกุลเงิน Fiat ก็ยังคงเป็นที่นิยมกว่ามากเมื่อพูดถึงกิจกรรมการค้าที่ผิดกฎหมาย
สำหรับการใช้คริปโตเพื่อการฟอกเงินนั้น ทาง The National Money Laundering Risk Assessment มองว่า สินทรัพย์เสมือน (Virtual Assets) เป็นโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาภายในชุดเครื่องมือของผู้ฟอกเงินเพื่อซ่อนเงินของอาชญากรเหล่านี้ โดยเฉพาะ DeFi และ “เทคโนโลยีที่ส่งเสริมการไม่เปิดเผยตัวตน”
มีรายงานว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในทั้งการโจมตีแบบฟิชชิ่งและ การหลอกลวงของแรนซัมแวร์ ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดครั้งใหญ่ โดยอาญากรเหล่านี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ผลกำไรเป็นกอบเป็นกำจากตลาด crypto ที่ผันผวนเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาหรือเพื่อติดตั้งมัลแวร์บนอุปกรณ์ของพวกเขา จากนั้นผู้โจมตีก็อาจเรียกร้องเงินค่าไถ่เป็นสกุลเงินดิจิทัล
โดยสิ่งนี้สอดคล้องกับรายงานอาชญากรรมของ Chainalysis ในฉบับล่าสุดที่พบว่ามีการโอนเงินไปยังที่อยู่บล็อคเชนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐยังออกมายอมรับว่าสกุลเงินทั่วไป (fiat) เช่นเงินดอลลาร์ ยังคงเป็นนิยมมากที่สุดเมื่อพูดถึงเรื่องการถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยหน่วยงานกล่าวว่า “การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการฟอกเงินยังคงต่ำกว่าสกุลเงิน Fiat และวิธีการแบบดั้งเดิม”
ในขณะที่อาชญากร crypto กำลังเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ Chainalysis กลับพบว่าส่วนแบ่งของกองทุนที่ผิดกฎหมายในพื้นที่คริปโตนั้นอยู่ในจุดต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีเพียง 0.15% ของธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งลดลงจาก 0.62% ในปี 2020 และ 3.37% ในปี 2019