ด้วยสถานการการรุกรานของรัสเซียในยูเครนที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นานาชาติต่างร่วมใจกันแทรงแซงเศรษฐกิจในรัสเซีย เพื่อชะลอความคืบหน้าขอวรัสเซียในยูเครนและหวังให้การรุกรานนี้จบลงโดยเร็ว
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นแถลงว่า จะสั่งแบนการส่งออกโลหะมีค่า (รวมไปถึงทองคำ) ไปยังรัสเซีย โดยจะเป็นการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนที่กำลังดำเนินไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะจบตอนไหน การแบนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน โดยจะรวมถึงทองคำและสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ อย่าง เครื่องประดับ, รถยนต์หรู, สุรา, และเครื่องสำอาง
หากอิงจากข้อมูลล่าสุดของ IMF รัสเซียถือครองทองคำเกือบ 2,300 ตัน ณ สิ้นเดือนมกราคม ซึ่งถือเป็นเจ้าของทองคำรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก การแทรกแซงนี้จึงอาจจะส่งผลเสียต่อตลาดทองคำในรัสเซียได้ในระดับหนึ่ง
“ประกอบกับความร่วมมือกับสหรัฐ ฯ และสหภาพยุโรป ญี่ปุ่นเข้าร่วมการคว่ำบาตรต่อผู้มีอำนาจของรัสเซียและชนชั้นปกครอง” กระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันอังคาร ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ให้คำมั่นที่จะเพิ่มการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในการประชุม กลุ่ม 7 (G7) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก็ได้คว่ำบาตรการซื้อขายทองคำรัสเซียไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมทองคำทั้งหมดกับธนาคารกลางของรัสเซีย กระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงบนเว็บไซต์ด้วยว่า “ห้ามมิให้บุคคลอเมริกันทำธุรกรรมใด ๆ รวมทั้งธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารกลางของสหพันธรัฐรัสเซีย, กระทรวงการคลังของสหพันธรัฐรัสเซีย หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย” ทางด้านสหราชอาณาจักรยังระบุด้วยว่าหน่วยงานใด ๆ ของอังกฤษไม่สามารถมีส่วนร่วมในการขายทองคำสำรองของมอสโก
เมื่อต้นเดือนนี้ ญี่ปุ่นก็ได้ควบคุมการส่งออกสินค้า High Tech ต่าง ๆ ไปยังรัสเซียแล้ว ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร และในขณะนี้ ญี่ปุ่นกำลังวางแผนที่จะตรวจสอบสถานะการค้าของประเทศรัสเซียที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอีกครั้ง ซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการห้ามนำเข้าสินค้ารัสเซียบางรายการ สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาก็ได้ให้การสนับสนุนกฎหมายประเภทนี้เมื่อต้นเดือนมีนาคมและเหตุผลที่ประเทศต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การทำธุรกรรมทองคำ ก็เนื่องมาจากความกังวลว่า มอสโกอาจใช้ทองคำสำรองเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร โดย UBS ให้เหตุผลว่าเป็นสิ่งที่ติดตามได้ยาก
Joni Teves นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของ UBS กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลกระทบดังกล่าวในตลาดทองคำทันที โดยพิจารณาจากหลายปัจจัยแล้ว” “และด้วยเหตุนี้แม้ในสถานการณ์ปกติ อาจต้องใช้เวลาสองสามเดือนกว่าที่เราจะได้เห็นรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองของธนาคารกลางต่อ IMF”
การแทรกแซงนี้นับว่าเป็นหนึ่งในการแทรกที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มชนชั้นปกครองและกลุ่มผู้มีอำนาจโดยตรง หากเทียบกับการแทรกแซงส่วนมากที่มักจะพุ่งเป้าไปที่ประเทศทั้งประเทศ แต่อย่างไรก็ดีใน ในส่วนของผลเสียที่จะเกิดขึ้นว่าจะกระทบใครบ้าง ก็ยังต้องติดตามผลหลังการแทรงแซงนี้ต่อไป