ในตลาดทั้งตลาด Forex และ cryptocurrency นั้น มีเครื่องมือในการวิเคราะห์กราฟราคาเพื่อหาจุดเข้าซื้อ หาจุดขาย ซึ่งเทรดเดอร์สามารถเลือกใช้ได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอินดิเคเตอร์ การวิเคราะห์พฤติกรรมราคา และอื่นๆ ซึ่งอินดิเคเตอร์ก็เป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เลือกใช้กัน โดยที่มีอินดิเคเตอร์ที่นำมาใช้งานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Fibonacci EMA และ MACD แต่ในบทความนี้จะได้นำผู้อ่านไปรู้จักกับอีกที่มีความนิยมมากเช่นกัน ก็คือ RSI Indicator
RSI Indicator คืออะไร
J Welles Wilder คือผู้ที่คิดค้น RSI Indicator โดยมีพื้นฐานมาจาก Momentum โดยที่ RSI Indicator ที่วัดการแกว่งตัวของกราฟราคา หรือที่เรียกว่ากลุ่ม Oscillator
ค่าของ RSI Indicator นั้นจะมีค่าที่อยู่ระหว่าง 0-100 ซึ่งสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 โซนคือ Overbought และ Oversold
- โซน Overbought คือ โซนที่ มีค่าเหนือ 70 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเทรดเดอร์จะทำการ Sell ก็ต่อเมื่อราคามีการปรับตัวลงมาที่เส้น 70 นี้
- โซน Oversold คือ โซนที่มีค่าอยู่ใต้เส้น 30 ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่นั้นมักจะทำการ Buy ก็ต่อเมื่อมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมาชนเส้น 30
อีกสิ่งที่ต้องคำนึง คือเทรดเดอร์ในตลาดนั้น จะใช้ RSI ในการเป็นสัญญาณเพื่อเตรียมตัวที่จะซื้อหรือขาย เช่น หากค่า RSI Indicator อยู่เหนือเส้น 70 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Overbought ก็เตรียมตัวที่จะทำการขายได้แล้ว เพียงแค่รอสัญญาณอื่นๆ ประกอบ หรือในทางกลับกันหากค่า RSI Indicator อยู่ใต้เส้น 30 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Oversold ก็ต้องทำการเตรียมตัวที่จะซื้อ นั่นเอง
แม้ว่า RSI Indicator ถือได้ว่าเป็นอินดิเคเตอร์ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยวิเคราะห์กราฟราคาได้ดี แต่ก็ต้องคำนึงไว้เสมอว่า RSI ทำได้เพียงตัวชี้วัด และคาดการณ์เท่านั้น ต้องใช้ปัจจัยอื่นๆควบคู่ไปด้วยเช่น การดู trend line แนวรับแนวต้าน หรือ ข่าวประเด็นสำคัญต่างๆในปัจจุบันที่จะส่งผลต่อราคา
กระแสการลงทุนในยุคนี้ถือว่ามาแรงมากๆ หากใครกำลังสนใจการลงทุน สิ่งที่ควรคำนึงถึงเลยคือ การเลือกโบรกเกอร์ ที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ต้องเป็นโบรกที่สามารถเทรดได้หลากหลายตลาด, มีการฝากเงินที่รวดเร็ว, ค่า Commission ต่ำ เป็นต้น