จีน ได้มีการประกาศแบนธุรกิจใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ หรือ Cryptocurrency ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการแบนเกิดขึ้น ตลาดคริปโตฯ ในจีนกำลังคึกคักอย่างมาก โดยทำกำไรให้แก่นักลงทุน และเหมืองคริปโตฯ ในจีน
จีนแบนคริปโตฯ เพราะอะไร? ทั้งที่น่าจะสร้างกำไรมหาศาล และเป็นเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความก้าวหน้าสูง วันนี้เรามีคำตอบ
1. จีน มองเรื่องความผันผวน และเสถียรภาพ
คริปโตฯ เป็นสกุลเงินดิจิทัล ขับเคลื่อนราคาด้วยมูลค่าอนาคต (Future Value) โดยมูลค่าอาจจะเพิ่มขึ้นหากนำเงินไปลงทุน และได้รับผลตอบแทนต่อเนื่อง หมายความว่า ยิ่งคริปโตฯ ได้รับความสนใจในการนำไปใช้มากขึ้น แนวโน้มมูลค่าเงินก็จะมากขึ้นตาม และหากพิจารณาแล้ว เงินคริปโตฯ มีความผันผวนสูง มีเสถียรภาพต่ำ เพราะไม่มีหลักประกันที่มั่นคงเท่ากับเงินตราในปัจจุบัน
กระทั่งเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดโรงงานเหมืองคริปโตทั้งหมด และรัฐบาลมีคำสั่งให้ธนาคารกลางปิดบัญชีของบุคคลที่ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตฯ ทั้งหมด
2. จีนพยายามรักษาเสถียรภาพ
มีการระบุว่า จีนพยายามช่วยเหลือนายทุนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฟองสบู่แตกในช่วงที่ผ่านมา และพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และสิ่งที่เสี่ยงที่สุดในการเกิดฟองสบู่ลูกใหม่ คือ Bitcoin เพราะ Bitcoin มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลเห็นว่า หากปล่อยให้มีเสรีภาพในการทำเหมืองขุดคริปโตฯ และ Bitcoin ต่อไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในอนาคตได้นั่นเอง
3. จีนมองว่า คริปโตฯ อาจจะกระทบต่ออำนาจอธิปไตยทางการเงินของรัฐบาลจีน (Monetary Sovereignty)
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า จีนมีความกังวลในเรื่องของอำนาจอธิปไตยทางการเงินของรัฐบาล ซึ่งปกติเงินหยวนจีนจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลเกือบทั้งหมด และรัฐบาลสามารถควบคุมทิศทางของการเงินในจีนได้ แต่เมื่อคริปโตฯ ถือกำเนิดขึ้นมา ทำให้เป็นการทำลายกำแพงธุรกรรมทางการเงินของทุกคนบนโลก เพราะหลายคนสามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างอิสระโดยไม่ผ่านธนาคารกลาง (Decentralization) ทำให้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมมูลค่าของเงินคริปโตฯ ได้ เพราะคริปโตฯ เป็นเงินที่จับต้องไม่ได้แต่สามารถนำไปใช้งานได้ทุกที่
อย่างไรก็ตาม การแบนคริปโตฯ ของจีน ทำให้นักลงทุนที่ทำเหมืองขุดคริปโตฯ ในจีนต้องย้ายไปตั้งโรงงานในประเทศที่เปิดเสรีให้กับนักขุด หรือไม่ก็ต้องนำอุปกรณ์ที่ใช้ขุดไปขายเพื่อนำเงินมาใช้ทำธุรกิจอื่น ๆ นั่นเอง
