ราคาเหรียญ ADA ร่วงลงมาแตะระดับที่ 1 ดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนเริ่มค้นพบว่า พอร์ตกำลังติดลบมากขึ้นเรื่อย ๆ และคนที่ถือเหรียญ ADA มากกว่า 2 ใน 3 (ประมาณ 67%) กำลังอยู่ในจุดที่เรียกว่า ขาดทุน และมีแค่ 1 ใน 4 เท่านั้นที่ยังคงได้กำไร
มีรายงานจากนักวิเคราะห์ข้อมูลว่า กระเป๋าเงิน ADA กว่า 3.4 ล้านใบอยู่ในโซนติดลบสีแดง เมื่อเทียบกับกระเป๋าเงิน 1.2 ล้านใบที่อยู่ในโซนบวกสีเขียว และ 76% ของผู้ถือเหรียญ ADA มีการถือครองระยะเวลาระหว่าง 1-12 เดือน และมีเพียง 11% ของผู้ถือ ADA ที่ถือเหรียญมานานกว่า 1 ปี และยังคงมีกำไรอยู่
ซึ่งมุมมองทางเทคนิคนั้น เหรียญ ADA กลายเป็นตลาดหมี และได้ร่วงลงไปสู่จุดต่ำสุดของปีที่ 0.8 ดอลลาร์ต่อเหรียญ (เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) จุดนี้ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวล และเริ่มเครียด เว้นแต่ว่า นักลงทุนจะยอมขายเหรียญออก ยอมขาดทุนเพื่อลดความกังวลลง
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่า ราคาเหรียญที่ร่วงลงอาจเชื่อมโยงกับการพัฒนาเครือข่ายที่ไม่เป็นไปตามคาด ทั้งในเรื่องของ Smart Contracts รวมถึงจำนวนของแอพพลิเคชั่น dApps ที่จะเห็นว่า Cardano ยังคงว่างเปล่าอยู่ และมีโปรโตคอล DeFi เพียงสิบตัวเท่านั้นที่ยังคงรันอยู่บนเครือข่าย แต่ผู้ร่วมก่อตั้ง Cardano นาย Charles Hoskinson ก็ยังมีความเชื่อว่า dApps จำนวนมากยังรอคอยการมาของ Vasil hard