ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจด้านการลงทุนกันมากขึ้น โดยเฉพาะตลาด Forex และตลาดหุ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความเสถียรภาพสูง และได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนมาอย่างยาวนาน แต่การที่คุณจะเข้ามาทำกำไรจากตลาดการเงินเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งคุณคงเคยเจอข่าวต่าง ๆ ที่มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นนักลงทุน และหมดเงินไปกับพอร์ตที่แตก แต่การที่คุณจะเป็นนักลงทุนที่ดีจริง ๆ จำเป็นต้องรู้จักการบริหารความเสี่ยงครับ
ดังนั้น หากต้องการเป็นผู้ชนะในตลาด Forex และตลาดหุ้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ความรู้” คุณควรเข้าใจปัจจัยพื้นฐาน และกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้ออำนวยให้การเทรดของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด คือ การใช้อินดิเคเตอร์ (Indicator) เนื่องจากอินดิเคเตอร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การวิเคราะห์ตลาดแม่นยำมากยิ่งขึ้น และอินดิเคเตอร์แต่ละตัวมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป โดยในโปรแกรม MetaTrader มี Indicator มากมายให้คุณเลือกใช้ แต่รู้หรือไม่? MACD คือ Indicator ที่ ChatGPT แนะนำในการบอกทิศทางแนวโน้มของราคาที่แม่นยำกว่า 90% โดยเฉพาะการเทรดแบบ Intraday หรือ Day Trading
บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ MACD Indicator หรือ MACD และ MACD คือ อะไร? MACD ใช้อย่างไร? หรือควรตั้งค่า MACD เท่าไร? พร้อมเคล็ดลับในการเทรดด้วย MACD Indicator ให้ได้กำไร
- MACD คือ อะไร? (MACD Indicator)
- ส่วนประกอบของ MACD Indicator
- สูตรการคำนวณ MACD คือ อะไร?
- การอ่านค่า MACD Indicator คู่กับ Signal Line
- เคล็ดลับ! การทำกำไรจาก MACD Indicator
- สูตรลับ! การตั้งค่า MACD Indicator
- ข้อควรระวังในการใช้ MACD Indicator
——————————🐣——————————-
MACD คือ อะไร? (MACD Indicator)
MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence ถูกคิดค้นโดย Gerald Appel เมื่อปี 1970 ซึ่ง MACD คือ อินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator ซึ่งเป็น Indicator ที่ใช้วัดการแกว่งตัวของกราฟราคา หรือทิศทางแนวโน้มของราคา (Trend) โดยปกติ Indicator ประเภทนี้จะวิ่งในกรอบที่มีค่า 0 เป็นจุดศูนย์กลาง และมักถูกใช้วิเคราะห์กราฟในช่วงที่ราคาเป็น Sideway แต่ MACD Indicator แตกต่างจากอินดิเคเตอร์ตัวอื่น โดย MACD ทำงานได้ดีในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้ม หรือกำลังเป็นเทรนด์ โดยเฉพาะการเทรดแบบ Day Trade ที่เน้นการทำกำไรวันต่อวัน เนื่องจาก MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณในการซื้อขายค่อนข้างช้า
นอกจากนี้ MACD คือ Indicator ที่มีแนวคิดมาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 2 เส้น ที่มีค่าแตกต่างกัน โดยลักษณะเส้นเป็นแบบ Exponential หรือที่เรารู้จักกันในนามเส้น EMA (Exponential Moving Average) ซึ่ง MACD จะอยู่ระหว่างเส้น EMA 2 เส้น ซึ่งทั้ง 2 เส้นนั้นอาจจะวิ่งเข้าหากัน (Convergence) หรือ วิ่งแยกออกจากกัน (Divergence) ก็ได้
📌 สรุปง่าย ๆ
- MACD คือ Indicator ที่ใช้วัดการแกว่งตัวของกราฟราคา หรือทิศทางแนวโน้มของราคา (Trend)
- MACD คือ Indicator ที่ทำงานได้ดีในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้ม หรือกำลังเป็นเทรนด์
- MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับการเทรดสั้น หรือ Day Trade
- MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ให้สัญญาณในการซื้อขายค่อนข้างช้า
- MACD จะอยู่ระหว่างเส้น EMA 2 เส้น ซึ่ง 2 เส้นนี้อาจวิ่งเข้าหากัน หรือแยกออกจากกันก็ได้
ส่วนประกอบของ MACD Indicator
MACD คือ อินดิเคเตอร์ที่ประกอบด้วย 3 อย่างหลัก ๆ ได้แก่ MACD Line, Signal Line และ Histogram ซึ่ง MACD จะแสดงเป็นกราฟใต้กราฟราคาจริง เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคา และการเปลี่ยนแปลงของ MACD โดยมีรายละเอียด ดังนี้ :
MACD Line
1. MACD Line จะเกิดจากการคำนวณโดยใช้เส้น EMA(12) – EMA(26) หรือเส้น EMA ที่ยาวกว่าลบด้วยเส้น EMA ที่สั้นกว่า ซึ่งเมื่อเส้น EMA เคลื่อนที่เข้ามาหากัน, ตัดกัน และแยกกัน จะเกิดสัญญาณ Buy และ Sell
MACD Signal Line
2. MACD Signal Line คือ เส้น EMA 9 วัน ของ MACD โดย Singnal Line จะใช้ดูแนวโน้มราคาประกอบกับ MACD Line ซึ่งมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ Bullish MACD เกิดขึ้นเมื่อ MACD ตัดขึ้นไปอยู่เหนือ Signal Line และ Bearish MACD เกิดขึ้นเมื่อ MACD ตัดลงไปอย่ใต้ Signal Line
MACD Histogram
3. MACD Histogram คือ Indicator ของ MACD ที่ใช้ Center Line เป็นฐาน ซึ่งในบางครั้งอาจจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้เร็วกว่า MACD Signal Line
- MACD Histogram คว่ำลง = ฝั่ง Sell มีความได้เปรียบ
- MACD Histogram หงายขึ้น = ฝั่ง Buy มีความได้เปรียบ
สูตรการคำนวณ MACD คือ อะไร?
หลังจากได้เห็นส่วนประกอบของ MACD Indicator จากหัวข้อข้างบนแล้ว ต่อไปเราจะอธิบายการคำนวณของ MACD Indicator โดยใช้เส้น EMA จำนวน 3 เส้น ได้แก่ EMA(12), EMA(26) และ Signal Line ซึ่งเราขอใช้รูปประกอบเป็นเส้นกราฟที่สร้างขึ้นมา เพื่อความเข้าใจง่ายก่อนไปลงสนามจริง มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ :
การคำนวณ MACD ด้วย EMA(12) และ EMA(26)
ความหมาย
- MACD คือ EMA 12 วัน ที่หักออกด้วย EMA 26 วัน
- EMA(12) และ EMA(26) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยใช้ราคาปิดย้อนหลัง 12 วัน และ 26 วัน ตามลำดับ
วิธีการอ่านค่าจาก MACD
- ถ้า EMA(12) อยู่เหนือ EMA(26) = MACD มีค่าเป็นบวก (กราฟมีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น)
- ถ้า EMA(12) อยู่ใต้ EMA(26) = MACD มีค่าเป็นลบ (กราฟมีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาลง)
*หมายเหตุ: ค่า EMA(12) และ EMA(9) เป็นค่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมใช้ เนื่องจากหาสัญญาณการเข้าซื้อขายระยะกลางได้ดีที่สุด ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความถนัดของแต่ละบุคคล และเมื่อคุณกดเลือกใช้ MACD Indicator ในโปรแกรมเทรดแล้ว เส้น EMA(12) และ EMA(26) จะถูกรวมเป็นเส้นเดียวครับ เพราะโปรแกรมคำนวณมาให้แล้ว
การคำนวณ MACD ด้วย Signal Line
การใช้ MACD Indicator เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคาให้แม่นยำมากที่สุด จำเป็นมีเส้นสัญญาณ (Signal Line) ซึ่งเป็นเส้น EMA(9) เพื่อระบุว่า เส้น MACD มีทิศทางแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือขาลง
ความหมาย
- Singal Line คือ เส้น EMA(9)
- EMA(9) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยใช้ราคาปิดย้อนหลัง 9 วัน
วิธีการอ่านค่าจาก MACD ควบคู่กับ Signal Line
- MACD > Signal line
หากเส้น MACD ตัดขึ้นไปอยู่เหนือ Signal Line หมายความว่า เป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น และเป็นจังหวะที่การเข้าซื้อ (Buy) ได้เปรียบมากกว่า เรียกว่าอีกออย่างหนึ่งว่า “Bullish MACD”
- MACD < Signal line
หากเส้น MACD ตัดลงมาใต้ Signal Line หมายความว่า เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลง และเป็นจังหวะที่การขายออก (Sell) ได้เปรียบมากกว่า เรียกว่าอีกอย่างหนึ่งว่า “Bearish MACD”
MACD ใช้ยังไง ?
1. กรณีที่เส้น MACD เป็นบวก (+) และอยู่เหนือ Signal Line หมายความว่า ราคามีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และมีสัญญาณการปรับตัวขึ้นที่สูงขึ้น
2. กรณีที่เส้น MACD มีค่าบวก (+) แต่อยู่ใต้ Signal Line แปลว่า ราคามีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่มีสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง
3. กรณีที่เส้น MACD มีค่าลบ (-) และอยู่ใต้ Signal Line แปลว่า ราคามีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาลง และมีสัญญาณการปรับตัวลงที่สูงขึ้น
4. กรณีที่เส้น MACD มีค่าลบ (-) แต่อยู่เหนือ Signal Line แปลว่า ราคามีโอกาสสูงที่จะอยู่ในแนวโน้มขาลง แต่มีสัญญาณการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น
เคล็ดลับ! การทำกำไรจาก MACD Indicator
โดยทั่วไปการใช้ MACD Indicator เพื่อวิเคราะห์กราฟมีการทำกำไรอยู่หลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น และตลาด Forex มีการทำกำไรจาก MACD อยู่ 3 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้ :
หาจุดเข้าซื้อ-ขายด้วย MACD Histogram
หาจุดเข้าซื้อ-ขายด้วย MACD และ Signal Line
📌 ข้อควรระวัง : ไม่ควรเปิดออเดอร์เมื่อ 2 เส้นนี้ตัดกันทันที ควรรอสักพักหนึ่ง (จบแท่งเทียนใน Timeframe นั้น ๆ) แล้วค่อยทำการซื้อขาย
หาจุดเข้าซื้อ-ขายด้วย MACD Divergence
Divergence คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคจากความขัดแย้งระหว่างกราฟราคาและอินดิเคเตอร์ (Indicator) หรือราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง แต่อินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปยังทิศทางตรงกันข้าม เหตุการณ์นี้เราจะเรียกว่า การเกิด Divergence ซึ่งอาจเป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา
Divergence ขาขึ้น (Bullish Divergence)
Divergence ขาขึ้น (Bullish Divergence) จะเกิดขึ้นเมื่อราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง จากนั้นเมื่อเกิด Divergence จึงเป็นสัญญาณว่า ราคาอาจกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น ทำให้ฝั่ง Buy ได้เปรียบมากกว่า หรือแบ่ง Lot ในการเข้าซื้อ
Divergence ขาลง (Bearish Divergence)
Divergence ขาลง (Bearish Divergence) จะเกิดขึ้นเมื่อราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นเมื่อเกิด Divergence จึงเป็นสัญญาณว่า ราคาอาจกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง ทำให้ฝั่ง Sell ได้เปรียบมากกว่า หรือ แบ่ง Lot ในการเข้าซื้อ
📌 ข้อควรระวัง : หากใช้ TF ที่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง มีโอกาสสูงมากที่จะพบสัญญาณ Divergence หลอก
สูตรลับ! การตั้งค่า MACD เทรดสั้น
การตั้งค่า MACD Indicator สำหรับเทรดแบบ Day Trade
การใช้ MACD สำหรับการเทรดภายในวัน หรือที่เรารู้กันในนาม Day Trade จะมีเทคนิค คือ การเพิ่มระยะยาวการคำนวณให้กว้างขึ้น แต่ลด TF ลง ซึ่งโดยปกติ MACD จะใช้ EMA ที่ (12,26,9) แต่หากคุณเป็นสายเทรดสั้น หรือชอบทำกำไรระหว่างวัน ควรตั้งค่า MACD โดยใช้ EMA ที่มากขึ้น เช่น (24,52,9) และลด TF ลงเหลือแค่ 30 นาที
- MACD (24,52,9)
- เส้นค่าเฉลี่ย Smoothed Moving Average (SMMA) (365, Close)
- เพิ่ม Indicator มาอีกชนิด คือ Williams Percent Range (28)
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบมากกว่า จาก MACD
- ราคาอยู่เหนือเส้น SMMA
- MACD ต้องอยู่ต่ำกว่า Center Line
- William % Range วกกลับขึ้นมาจากโซน -80
- เกิด Bullish Divergence
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบมากกว่าจาก MACD
- ราคาอยู่ใต้เส้น SMMA
- MACD ต้องอยู่เหนือกว่า Center Line
- William % Range วกกลับลงมาจากโซน -20
- เกิด Bearish Divergence
การตั้งค่า MACD Indicator สำหรับเทรดแบบ Scalping
การใช้ MACD สำหรับการเทรดสั้น หรือที่เรารู้กันในนาม Scalping จะมีเทคนิค คือ การเพิ่มระยะยาวการคำนวณให้กว้างขึ้น และมากกว่าการเทรดแบบ Day Trade แต่ลด TF ลงเหลือแค่ 5 นาที เนื่องจากต้องจับจังหวะการเคลื่อนไหวใหญ่ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อขายขนาดย่อย กลยุทธ์นี้เหมาะกับคู่เงิน EUR/USD, GBP/USD, GBP/JPY และ USD/JPY เป็นต้น
- เส้น EMA 34
- เส้น EMA 55
- MACD (34,89,34)
- Stochastic Oscillator (5,3,3)
- TF 5 นาที
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Buy ได้เปรียบมากกว่า จาก MACD
- เส้น EMA 34 ต้องอยู่เหนือเส้น EMA 55
- MACD ต้องอยู่เหนือ Center Line
- Stochastic ต้องตัดเส้น 20 ขึ้นมา หรือตัด Oversold ขึ้นมา
- เกิด Bullish Divergence
สัญญาณที่การเปิดออเดอร์ Sell ได้เปรียบมากกว่าจาก MACD
- เส้น EMA 34 ต้องอยู่ต่ำกว่าเส้น EMA 55
- MACD ต้องอยู่ต่ำกว่า Center Line
- Stochastic ต้องตัดเส้น 80 ลงมา หรือตัด Overbought ลงไป
- เกิด Bearish Divergence
ข้อควรระวังในการใช้ MACD Indicator
- ไม่ควรทำการซื้อขายทันทีเมื่อ MACD ตัด Center Line
- ไม่ควรทำการซื้อขายทันทีเมื่อ MACD ตัด Signal Line
เนื่องจากยังไม่ได้การันตีว่า ราคาจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มเสมอไป ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวเพียงชั่วคราวระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น จึงต้องดู Divergence ควบคู่ไปด้วย และการใช้ MACD Indicator เป็นเพียงการบอกสัญญาณล่วงหน้าว่า ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เพื่อให้เราติดตามกราฟราคาอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
คุณกำลังมองหาโบรกเกอร์เทรด Forex อยู่หรือเปล่า?
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด Spread ต่ำ ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด โบนัสฟรี ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด เทรดทอง ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด ยอดนิยม น่าเชื่อถือ ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด ฝากถอนไว ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด ที่น่าเชื่อถือ ปี 2023
โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด Free Swap ปี 2023
——————————🐣——————————-
สรุป
MACD คือ Indicator ที่ใช้บอกสัญญาณของแนวโน้มราคา ซึ่งประกอบไปด้วย MACD Line, Signal Line และ Histogram ที่สำคัญ MACD จะแสดงเป็นกราฟใต้กราฟราคาจริง เพื่อใช้เปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคา นอกจากนี้ MACD Indicator เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า MACD Indicator ควรใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำของการวิเคราะห์ให้มากขึ้น