การเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐกลายเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนจับตามองอยู่ในขนาดนี้ หากสหรัฐไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ได้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายนนี้ “ตลาดหุ้นสหรัฐปั่นป่วนอย่างแน่นอน” และเก้าอี้มหาอำนาจของโลกต้องสั่นคลอน
สมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ ลงนามว่า ไม่อนุมัติให้สหรัฐขยายเพดานหนี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน พร้อมทั้งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการให้สวัสดิการ และให้เงินช่วยเหลือประชาชน ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของสหรัฐ และหากสหรัฐไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลาจริง ๆ จะเกิดผลกระทบมากมาย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก “สหรัฐผิดนัดชำระหนี้”
เศรษฐกิจจะเสียหายอย่างรุนแรง และมีคนตกงานหลายล้านคนเป็นอย่างต่ำ
หากรัฐบาลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตำแหน่งงานจะหายไปเกือบ 1 ล้านตำแหน่ง อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5% จากระดับปัจจุบันที่ 3.5%
สหรัฐจะไม่มีเงินจ่ายสวัสดิการสังคม
มีผู้เกษียณอายุ ผู้พิการ และบุคคลอื่น ๆ ที่ได้รับสวัสดิการประกันสังคมรายเดือนจำนวน 66 ล้านคน โดยเงินที่จ่ายสำหรับผู้เกษียณอายุในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,827 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 62,574 ล้านบาท)
ความน่าเชื่อถือของสหรัฐจะลดลงอย่างมาก
หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ อันดับเครดิตของสหรัฐจะลดลงไปที่ “RD” (Restricted Default) และพันธบัตรรัฐบาลจะมีอันดับเครดิต “D” จนกว่าการผิดนัดชำระหนี้จะได้รับการแก้ไข
ตลาดหุ้นสหรัฐจะร่วงอย่างหนัก
ในตอนนี้ดัชนีตลาดหุ้นหลักอย่างดาวโจนส์กำลังร่วงลงอย่างรุนแรง จนนักลงทุนต้องหันไปถือสกุลเงินหลักอื่น เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ และหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ตลาดหุ้นอาจสูญเสียมูลค่าไปมากถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าก่อนการผิดนัดชำระหนี้
ค่าเงินดอลลาร์อาจด้อยค่าลงอย่างหนัก
นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันปีเตอร์สัน (Peterson Institute) วิเคราะห์ว่า หากสหรัฐผิดนักชำระหนี้จะทำให้ความต้องการของเงินดอลลาร์ลดลง และแน่นอนว่า บทบาทของเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจจะลดลงตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันมีขั้วอำนาจใหม่ที่รวมตัวกัน เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ดังนั้น ขั้วอำนาจใหม่จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของโลก หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้จริง
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สหรัฐจะสามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้หรือไม่ อีกทั้ง ณ ตอนนี้สหรัฐยังต้องเจอกับวิกฤตหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับทางจีน และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สหรัฐเข้าไปเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องเรียบร้อยแล้ว