การเทรด Forex เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงสุดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูดจากการทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงของคู่สกุลเงิน รวมถึงความตื่นเต้นที่เทรดเดอร์ได้รับจากความผันผวนของตลาด ทำให้ Forex สามารถรักษาฐานผู้เล่นเก่าและดึงผู้เล่นใหม่ให้เข้ามาได้จำนวนมาก ในทางกลับกัน ถึงแม้ตลาด Forex จะมีโอกาสทำกำไรได้หลายทาง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟอเร็กซ์มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อราคาคู่เงิน และอาจทำให้การวิเคราะห์ของคุณผิดพลาดได้
ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากคุณไม่สามารถที่จะควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบต่อตลาดได้ แต่คุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เอื้อประโยชน์มากที่สุดต่อการเทรดของคุณได้ ตัวอย่างเช่น
- ค่า Spread ต่ำ
- Free Commission
- Free Swap
- Leverage สูง
- เซิร์ฟเวอร์มีความเสถียรสูง
- มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการเทรด เช่น Copy Trade และ EA
- โปรโมชันโบนัส
HFM (HF Markets) เป็นโบรกเกอร์ที่มีประเภทบัญชีหลากหลาย รวมทั้งมีคุณสมบัติของแต่ละบัญชีที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากคุณต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร หรือ Win Rate ในการเทรดของคุณให้ได้มากที่สุด “การเลือกประเภทบัญชี” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้!
——————————🐣——————————-
การเลือก HFM ประเภทบัญชี สำคัญอย่างไร ?
จากประสบการณ์ของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะให้ความสำคัญกับการเลือกโบรกเกอร์และประเภทบัญชีที่จะเทรด เนื่องจากแต่ละประเภทบัญชีจะมีเงื่อนไข, ข้อดี และข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป อย่าลืมนะครับว่า โบรกเกอร์ก็คือ การทำธุรกิจอย่างหนึ่งไม่ใช่องค์กรการกุศล
ดังนั้น โบรกเกอร์จำเป็นต้องใช้ช่องโหว่เพื่อทำกำไรให้ธุรกิจของตนเอง ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์จ่ายให้กับโบรกเกอร์นั่นแหละครับ ทำให้ในแต่ละประเภทบัญชี HFM ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ได้ทุกระดับ เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องเลือกประเภทบัญชีให้เหมาะกับกลยุทธ์ของตนเองมากที่สุด
คุณสมบัติของ HFM ประเภทบัญชี ที่ใช้พิจารณา
- ค่า Spread
- ค่า Commission
- ค่า Swap
- ค่า Leverage
- จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ
- ขนาดสัญญา (Contract Size)
- Lot ซื้อขายสูงสุด (Maximum Lot Size)
- Market Execution
คุณเป็นเทรดเดอร์ประเภทใด ?
Sniper Trading
กลยุทธ์การเทรดแบบ Sniper Trading เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ และค่อนข้างเชี่ยวชาญในการเทรดทาง Technical เนื่องจากต้องตัดสินใจซื้อขายอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการวิเคราะห์จุดเข้าออกให้แม่นยำที่สุด โดยเทรดเดอร์สาย Sniper จะไม่ออกออเดอร์บ่อยครั้ง แต่การออเดอร์หนึ่งครั้งจะเป็นการใช้ Lot จำนวนมาก ดังนั้น การเทรดในลักษณะนี้จึงเน้นไปที่ค่า Swap และ Spread ต่ำ เนื่องจากอาจต้องมีการเปิดออเดอร์ข้ามคืน รวมถึงต้องมี Market Execution เพื่อการส่งคำสั่งซื้อขายให้รวดเร็วและได้ราคาที่แม่นยำมากที่สุด
คุณสมบัติประเภทบัญชีที่ต้องการ
- ค่า Swap ต่ำ
- ค่า Spread ต่ำ
- ค่า Leverage สูง
- มี Market Execution
Day Trading
กลยุทธ์การเทรดแบบ Day Trading เป็นการทำกำไรวันต่อวันเท่านั้น โดยจะไม่มีการถือออเดอร์ไว้ข้ามคืน ดังนั้น ในหนึ่งวันจึงอาจมีการเปิดปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้ง ทำให้กลยุทธ์การซื้อขายประเภทนี้เน้นไปที่ค่า Commission และ Spread ต่ำ รวมถึงมี Market Execution เพื่อให้ได้ราคาที่ต้องการ
คุณสมบัติประเภทบัญชีที่ต้องการ
- ค่า Swap ต่ำ
- ค่า Commission ต่ำ
- มี Market Execution
Scalping Trading
กลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping Trading จะเป็นการทำกำไรวันต่อวันคล้ายกับ Day Trading แต่จะใช้เวลาในการถือออเดอร์ที่สั้นกว่า โดยเทรดเดอร์มักจะใช้ TF 1 นาที, 5 นาที และ 30 นาที และเน้นทำกำไรเพียงไม่กี่ Pips ต่อออเดอร์ ดังนั้น กลยุทธ์การซื้อขายนี้อาจมีการเปิดปิดออเดอร์หลายครั้งต่อวันเพื่อทำกำไร เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญไปที่ค่า Commission ต่ำและ Spread ที่คงที่
คุณสมบัติประเภทบัญชีที่ต้องการ
- ค่า Commission ต่ำ
- ค่า Spread ต่ำและคงที่
Swing Trading
กลยุทธ์การเทรดแบบ Swing Trading มักจะมีการถือออเดอร์จำนวนหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เนื่องจากเป็นการทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในช่วงระยะสั้นถึงระยะกลาง ทำให้กรอบการทำกำไรค่อนข้างกว้าง โดยเทรดเดอร์จะรอให้ราคามีการย่อลงและส่งสัญญาณยืนยันก่อนเข้าซื้อ ดังนั้น เทรดเดอร์สาย Swing Trading ค่อนข้างให้ความสำคัญกับค่า Swap ต่ำและ Maximum Lot Size เป็นหลัก
คุณสมบัติประเภทบัญชีที่ต้องการ
- ค่า Swap ต่ำ
- Maximum Lot Size สูง
- ค่า Leverage สูง
——————————🐣——————————-
เปรียบเทียบประเภทบัญชี HFM
Premium | Pro | Zero | Cent | Top-Up Bonus | HFCopy | |
Spread | 1.2 pips | 0.5 pips | 0.0 pips | 1.2 pips | 1.6 pips | 1 pips |
Commission | ❌ | ❌ | ✅ | ❌ | ❌ | ❌ |
Swap | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
Leverage | 1:2000 | 1:2000 | 1:2000 | 1:2000 | 1:1000 | 1:500 |
ฝากขั้นต่ำ | $0 | $100 | $0 | $0 | $0 | $25 |
Bonus | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ | ✅ | ❌ |
Contract Size | 1 Lot = 100K Units | 1 Lot = 100K Units | 1 Lot = 100K Units | 1 Lot = 1K Units | 1 Lot = 100K Units | 1 Lot = 100K Units |
Maximum Lot Size | 60 Lot ต่อออเดอร์ | 60 Lot ต่อออเดอร์ | 60 Lot ต่อออเดอร์ | 200 Cent Lot ต่อออเดอร์ / 500 Cent Lot ทั้งหมด | 60 Lot ต่อออเดอร์ | 60 Lot ต่อออเดอร์ |
Market Execution | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
เลือก! HFM ประเภทบัญชี ที่เหมาะกับคุณ
สำหรับในบทความนี้ Gotradehere จะมาแนะนำประเภทบัญชีของทาง HFM ที่เหมาะกับเทรดเดอร์ในแต่ละสาย เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรให้สูงที่สุด โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
*หมายเหตุ: สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับตนเองได้ ซึ่งทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนคิดจะลงทุนทุกครั้ง
HFM ประเภทบัญชี | เหมาะกับใคร ? |
Premium | Swing Trading |
Pro | Day Trading และ Sniper Trading |
Zero | Scalping Trading และ Sniper Trading |
Cent | Day Trading และเทรดเดอร์มือใหม่ |
Top-Up Bonus | เทรดเดอร์ที่ต้องการเงินทุนเพิ่ม และเทรดเดอร์มือใหม่ |
HFCopy | เทรดเดอร์มือใหม่ และเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ Copy Trade |
HFM ประเภทบัญชี Premium
HFM ประเภทบัญชี Premium เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์สาย Swing Trading
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ การเทรดแบบ Swing Trading มักจะมีการถือหนึ่งออเดอร์จำนวนหลายวันหรือหลายสัปดาห์ และทำกำไรจากกรอบการแกว่งตัวของราคา ซึ่งอาจจำเป็นต้องเพิ่มอำนาจในการเทรดด้วย Leverage หรือออก Lot ที่มากขึ้น เพื่อให้ออเดอร์ที่ถือนั้นได้กำไรที่คุ้มค่า ดังนั้น HFM ประเภทบัญชี Premium จึงค่อนข้างตอบโจทย์ เนื่องจาก Free Swap, Leverage สูง และไม่จำกัด Maximum Lot Size ส่วนในด้านของค่า Spread ถือว่าอยู่ในระดับกลาง แต่เทรดเดอร์สาย Swing Trading ไม่ได้ทำการเปิดออเดอร์หลายครั้งอยู่แล้ว จึงอาจไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าส่วนอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้าก็ตาม แต่เนื่องจากว่าเป็นบัญชีที่เหมาะกับการเทรดแบบ Swing Trading ทำให้ไม่กระทบต่อการเทรดมากนัก
HFM ประเภทบัญชี Pro
HFM ประเภทบัญชี Pro เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์สาย Day Trading
- เทรดเดอร์สาย Sniper Trading
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ สำหรับกลยุทธ์แบบ Day Trading เป็นการทำกำไรต่อวันและมีการเปิดปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้ง จึงไม่ต้องคำนึงถึงค่า Swap แต่จะเน้นไปที่ค่า Commission และ Spread ต่ำ ดังนั้น HFM ประเภทบัญชี Pro จึงค่อนข้างตอบโจทย์ เนื่องจาก Free Commission และ Spread เริ่มต้นเพียง 0.5 Pips ที่สำคัญมี Market Execution เพื่อให้ได้ราคาที่แม่นยำ
⭐ สำหรับกลยุทธ์แบบ Sniper Trading ไม่ได้มีการเปิดปิดออเดอร์หลายครั้ง เพราะอาจถือออเดอร์ข้ามคืนเพื่อเข้าออกราคาที่แม่นยำมากที่สุด เพื่อทำกำไรในหนึ่งออเดอร์ให้ได้จำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้ Leverage และ Lot ที่สูง รวมถึงค่า Spread และ Swap ต้องต่ำ ดังนั้น HFM ประเภทบัญชี Pro จึงตอบโจทย์มากที่สุดสำหรับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่สำคัญ Free Swap และมี Market Execution อีกด้วย
⚠️ เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า อาจจะส่งผลกระทบต่อการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเทรดแบบ Sniper Trading ที่ต้องมีการเข้าซื้อด้วยความแม่นยำสูง การส่งคำสั่งซื้อที่ช้า อาจจะส่งกระทบให้เทรดเดอร์ที่ทำการเทรดแบบ Sniper Trading นั้น พลาดราคา และพลาดโอกาสในการทำกำไรในจุดที่ต้องการได้
HFM ประเภทบัญชี Zero
HFM ประเภทบัญชี Zero เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์สาย Scalping Trading
- เทรดเดอร์สาย Sniper Trading
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ สำหรับกลยุทธ์แบบ Scalping Trading ต้องเปิดปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้งต่อวัน แต่เน้นทำกำไรเพียงไม่กี่ pips ต่อออเดอร์ ซึ่งในหนึ่งออเดอร์มีการถือค่อนข้างสั้นมาก เนื่องจากเทรดเดอร์จะใช้ TF เพียงแค่ 1 นาที, 5 นาที และ 30 นาที ทำให้ค่า Commission ต้องต่ำ รวมถึงค่า Spread ที่ต่ำและคงที่ ดังนั้น HFM ประเภทบัญชี Zero จึงค่อนข้างตอบโจทย์ เนื่องจากค่า Spread 0.0 pips และ Commission ถูกเพียง $6
⭐ สำหรับกลยุทธ์แบบ Sniper Trading ไม่ได้มีการเปิดปิดออเดอร์หลายครั้ง แต่อาจมีการถือออเดอร์ข้ามคืน และที่สำคัญต้องเข้าราคาที่แม่นยำ เพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร เนื่องจาก Sniper Trading มักจะออก Lot และใช้ Leverage สูง ดังนั้น HFM ประเภทบัญชี Zero จึงค่อนข้างตอบโจทย์ โดยให้ Leverage ถึง 1:2000 และ Free Swap
⚠️ เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า อาจส่งผลกระทบต่อการเทรดแบบ Sniper Trading และแบบ Scalping Trading ที่ต้องมีการเข้าซื้อด้วยความแม่นยำที่สูงมาก และความเร็วในการเข้าและออกออเดอร์ การส่งคำสั่งซื้อที่ช้านี้ อาจจะส่งกระทบให้เทรดเดอร์ที่ทำการเทรดแบบ Sniper Trading พลาดราคา และพลาดโอกาสในการทำกำไรในจุดที่ต้องการได้
*หมายเหตุ: สาย Sniper Trading ค่อนข้างเหมาะกับบัญชี Pro มากกว่า แต่บัญชี Zero ก็ตอบโจทย์เช่นกัน
HFM ประเภทบัญชี Cent
HFM ประเภทบัญชี Cent เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์สาย Day Trading
- เทรดเดอร์มือใหม่
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ สำหรับกลยุทธ์แบบ Day Trading ในหนึ่งวันอาจมีการเปิดปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้ง เนื่องจากต้องทำกำไรวันต่อวัน ทำให้ Market Execution จำเป็นต้องมี รวมถึงค่า Commission ที่ต่ำ ซึ่งบัญชี Cent จึงตอบโจทย์ในเงื่อนไขนี้ โดยจะแตกต่างจากบัญชี Pro ตรงที่สามารถออกออเดอร์ใน Volume ที่ต่ำลงได้ เนื่องจากมี Contract Size ที่ลดลง ทำให้ใช้ต้นทุนในจำนวนที่น้อยกว่า ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้บัญชี Cent ยังเหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า ในการส่งคำซื้อที่ช้านั้น อาจจะทำให้เทรดเดอร์พลาดราคาในจุดที่ต้องการได้
HFM ประเภทบัญชี Top-Up Bonus
HFM ประเภทบัญชี Top-Up Bonus เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์ที่ต้องการเงินทุนเพิ่ม
- เทรดเดอร์มือใหม่
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ สำหรับบัญชี Top-Up Bonus ค่อนข้างตอบโจทย์กับเทรดเดอร์ที่ต้องการเงินทุนเพิ่มและเทรดเดอร์มือใหม่ เนื่องจากทางโบรกเกอร์ HFM มีการแจกโบนัสสูงสุดถึง $5,000 และกำไรที่ได้จากการใช้โบนัสในการเทรดสามารถถอนได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในส่วนของค่า Spread อยู่ในระดับกลาง แต่ Free Commission และ Free Swap รวมถึง HFM ยังให้ Leverage สูงสุด 1:1000
⚠️ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะทำให้เทรดเดอร์พลาดราคาในจุดที่ต้องการได้
HFM ประเภทบัญชี HFCopy
HFM ประเภทบัญชี HFCopy เหมาะกับใคร ?
- เทรดเดอร์มือใหม่
- เทรดเดอร์ที่ต้องการใช้ Copy Trade
หลักการพิจารณา HFM ประเภทบัญชี
⭐ สำหรับบัญชี HFCopy ของทาง HFM ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในการใช้ Copy Trade โดยเฉพาะ รวมไปถึงเงื่อนไขการคัดเลือก Master ที่ชัดเจน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ Follower ที่ไว้วางใจเลือกใช้งาน Copy Trade กับทาง HFM แต่เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เนื่องจากโบรกเกอร์มีค่าสเปรดที่ค่อนข้างสูง และจำกัด Leverage สูงสุดเพียง 1:500 ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์กับเทรดเดอร์บางกลุ่มและต้องมีการเพิ่มต้นทุนมากขึ้น
⚠️ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าโบรกเกอร์ HFM มีการส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะทำให้เทรดเดอร์พลาดราคาในจุดที่ต้องการได้
ข้อควรระวังที่ควรพิจารณาในการใช้บริการโบรกเกอร์ HFM
โบรกเกอร์ HFM มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 1.2 pips ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บค่า Swap สำหรับการถือสถานะข้ามคืน นอกจากนี้ยังมีรีวิวจากผู้ใช้งานจริงที่พบปัญหาหลายประการ เช่น การถูกปิดบัญชีโดยไม่มีการแจ้งสาเหตุ, ค่าสเปรดที่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าโดยเฉพาะในการเทรดระยะสั้น, และค่าธรรมเนียมที่ไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ อีกทั้งยังประสบปัญหาการถอนเงินไม่ได้ ซึ่งเมื่อได้ติดต่อฝ่าย Customer Support กลับได้รับคำตอบว่าไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ และยังตอบกลับล่าช้า ขาดความเป็นมืออาชีพในการให้บริการ
——————————🐣——————————-
สรุป! การเลือก HFM ประเภทบัญชีให้เหมาะกับคุณ
ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีการแข่งขันและความผันผวนค่อนข้างสูง ด้วยจำนวนผู้เล่นมหาศาลและปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อราคาคู่เงิน ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาได้ แต่คุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เอื้อประโยชน์มากที่สุดต่อการเทรดของคุณได้ และอีกหนึ่งปัจจัยหลังจากการเลือกโบรกเกอร์เรียบร้อยแล้ว คือ การเลือกประเภทบัญชี HFM เพราะแต่ละประเภทบัญชีจะมีเงื่อนไข, ข้อดี และข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเลือกประเภทบัญชี HFM ให้เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดของตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร หรือ Win Rate ให้สูงที่สุด โดยทางโบรกเกอร์ HFM มีประเภทบัญชีให้เลือกเทรดถึง 6 บัญชี ดังนี้
- Premium
- Pro
- Zero
- Cent
- Top-Up Bonus
- HFCopy
⚠️ แต่โบรกเกอร์ HFM มีข้อเสียที่ต้องระวังอยู่หนึ่งสิ่ง นั่นก็คือ การส่งคำสั่งซื้อที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจจะส่งกระทบให้เทรดเดอร์ที่ทำการเทรดแบบ Sniper Trading นั้น พลาดราคา และพลาดโอกาสในการทำกำไรในจุดที่ต้องการได้
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้และการแนะนำเบื้องต้น ซึ่งคุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับตนเองได้ โปรดอย่าลืมว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนคิดจะลงทุนทุกครั้ง
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News