ในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องบอกเลยว่า กระแสของสกุลเงินดิจิทัลมาแรงมาก ๆ ดังจะเห็นได้จากข่าว Cryptocurrency สกุลต่าง ๆ ที่มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เหล่าธนาคารต่างก็หันเข้ามาลงเล่นในตลาดนี้บ้าง จนเกิดการพัฒนาแผนทดลองออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองด้วย หรือที่เราเรียกว่า เหรียญ CBDC ซึ่งบทความนี้ผมจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเจ้าเหรียญนี้คร่าว ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ
CBDC คือ อะไร ?
เหรียญนี้มีชื่อเต็ม คือ Central Bank Digital Currency นั่นหมายความว่า เป็นเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศนั้น ๆ หากพูดง่าย ๆ หน่อย มันก็เหมือนเงินบาท หรือเงินดอลลาร์ที่ออกโดยแบงก์ชาติ เพียงแต่อยู่ในรูปแบบ “ดิจิทัล” นั่นเองครับ
CBDC คือ เหรียญที่มีความแตกต่างจากเหรียญ Crypto อื่น ๆ อย่างไร ?
สิ่งที่ทำให้เหรียญนี้มีความแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum มีอยู่ 2 สิ่งหลัก ๆ คือ “ผู้ออกเหรียญ” และ “คุณสมบัติความเป็นเงินของเหรียญ” ครับ
โดยเหรียญ CBDC จะถูกออกโดย “ธนาคารกลาง” ของแต่ละประเทศ และคุณสมบัติของเหรียญ CBDC จะเข้าข่ายนิยามความเป็นเงินที่ครบถ้วนมากกว่า ดังนี้ครับ
- CBDC มีคุณสมบัติเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
- CBDC มีคุณสมบัติเป็นที่เก็บรักษามูลค่า คือ มีมูลค่าคงที่เท่ากับสกุลเงิน Fiat
- CBDC มีคุณสมบัติเป็นหน่วยวัดมูลค่าของสินค้าและบริการ
ในทางตรงกันข้าม สกุลเงิน Cryptocurrency อื่น ๆ อย่าง Bitcoin นั้น ไม่มีคุณสมบัติเข้าข่ายความเป็นเงิน อีกทั้ง ยังไม่มีข้อบังคับ หรือกฎหมายรองรับให้สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งในที่นี้ยังรวมถึง Stable Coin ต่าง ๆ อย่างเหรียญ Diem , USDT , USDC และ BUSD ด้วยเช่นกันครับ
CBDC คือ เหรียญที่ธนาคารกลางสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ?
สาเหตุหลัก ๆ เลย คือ รัฐบาลต้องการที่จะควบคุม และตรวจสอบการไหลเวียนของกระแสเงินครับ เพราะเมื่อประชาชนจับจ่ายใช้สอยเป็นสกุลเงินเงินดิจิทัลแล้ว ประวัติในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ก็จะถูกบันทึกในระบบ Blockchain ทำให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลยครับ
กล่าวคือ หากรัฐบาลผลิตเงินดิจิทัลออกมาให้ประชาชนใช้ รัฐบาลก็จะสามารถทราบได้ว่า ปริมาณเงินที่ถูกผลิตออกมาตอนแรกนั้นถูกโอนไปอยู่ในมือใครบ้าง และมีการหมุนเวียนไปถึงคนชนชั้นระดับไหนบ้าง รวมถึง ถูกนำไปใช้ในด้านใดบ้าง ซึ่งถ้าเป็นระบบเงินแบบปกติที่เราใช้กันอยู่ รัฐบาลก็คงไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ถูกต้องไหมครับ
นอกจากนี้ ประโยชน์ในการสร้างเหรียญ CBDC อีกอย่าง นั่นก็คือ การที่รัฐบาลจะไม่จำเป็นต้องพิมพ์ธนบัตร หรือเหรียญกษาปณ์ออกมาอีกต่อไป หรืออาจจะพิมพ์น้อยลงนั่นเองครับ ทำให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณในเรื่องนี้ได้ ส่วนประชาชนเองก็จะไม่ต้องจับธนบัตร ไม่ต้องกลัวเงินปลิวหายอีกต่อไปครับ
เราจะได้ใช้เหรียญ CBDC ตอนไหน ?
ก่อนจะไปถึงการนำเหรียญ CBDC มาใช้ในชีวิตประจำวันนั้น เราทุกคนจำเป็นต้องใช้เวลาศึกษา และพิจารณาผลกระทบในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อน รวมถึงต้องดูเรื่องข้อกฎหมาย เสถียรภาพของระบบการเงิน พิจารณาความปลอดภัยในการใช้งานให้รอบคอบ และที่สำคัญอีกอย่าง คือ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีของผู้ใช้งานครับ
หากรู้อย่างนี้แล้ว การเดินหน้าศึกษาบวกกับการระดมสมองระหว่างภาครัฐบาลกับภาคเอกชนไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เข้าใจข้อดีและข้อจำกัดต่าง ๆ อย่างรอบด้านจึงมีความสำคัญมาก เพราะการที่จะนำเหรียญ CBDC มาให้ประชาชนใช้จริงนั้น ไม่ได้อยู่ที่ “ความรวดเร็ว” ที่ต้องรีบนำออกมาใช้ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่านำหน้าประเทศอื่น สิ่งที่เราต้องโฟกัสจริง ๆ คือ ต้องรอให้ฐานภายในประเทศตัวเองพร้อมเสียก่อนครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอบอกก่อนว่า ตอนนี้ฐานความรู้ ความสามารถในประเทศไทยยังอยู่ในการพัฒนา และในหลาย ๆ พื้นที่เองก็ยังต้องพัฒนาและปรับปรุงอีกมากครับ ทำให้เราจึงต้องใช้เวลาอีกมากในการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดังนั้น คำถามที่ว่า เราจะได้ใช้เหรียญ CBDC มาใช้ซื้อขายกันจริง ๆ นั้น ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้มากพอ คงต้องรอติดตามข่าวกันต่อไปครับ!
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี หรือการลงทุน ผมได้เขียนบทความไว้อีกมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านใน Knowledge Blogs กันแบบฟรี ๆ แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไป ขอบคุณครับ
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่: News