Tom Emmer สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา กล่าวในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับทาง Thinking Crypto ว่า คดีฟ้องร้องของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ต่อ Ripple มีส่วนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรม Cryptocurrency ทั้งหมด ซึ่งเขาก็งดการแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลของคดีความนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย
และผู้ร่างกฎหมายจาก Minnesota เชื่อว่า การดำเนินการบังคับใช้นั้น ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบ โดยหากย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 มีหนึ่งในสมาชิกของสภาคองเกรสที่เข้าใจ Cryptocurrency มากที่สุด ได้กล่าวว่า XRP ไม่ใช่หลักทรัพย์ค้ำประกัน ก่อนที่จะผ่านมาไม่กี่เดือนและก.ล.ต.สหรัฐฯ ฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าว
ซึ่งคดีระหว่าง Ripple และ SEC ก็ยังไม่จบลงง่ายๆ โดยเมื่อเร็วๆนี้ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ขอข้อความใน Slack ของพนักงานที่ Ripple มากกว่า 1 ล้านข้อความเพื่อที่จะใช้ในการรื้อฟื้นความจำของพยาน และมีข้อความบางส่วนที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เช่น การซื้อขาย XRP เพื่อเอาไว้เก็งกำไร และสถานการณ์กำกับดูแลโทเค็นนั่นเอง
ส่วน CEO Brad Garlinghouse ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า ได้ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการขายที่ถือว่าผิดกฎหมายร่วมกับ Chris Larsen ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยเขาได้เคยบอกกับสาธารณชนว่า เขามีความเชื่อมั่นใน XRP อย่างมากว่า มันจะสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการขายโทเค็นโดยไม่เปิดเผย
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่ใช่คดีทั่วๆไป แต่อาจจะส่งผลให้อุตสาหกรรมคริปโตเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะแนวคิดที่ว่า ผลลัพธ์ของคดีความ XRP จะมาเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งก็ถือเป็นข้อสรุปจากหลายๆคนที่ติดตามคดีความนี้มาตั้งแต่แรก และแม้ว่า ก.ล.ต.สหรัฐฯ จะมีการเสนอข้อตกลงกับทาง Ripple แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธกลับมาและยืนยันที่จะต่อสู้กันต่อไป เพื่อให้ได้รับชัยชนะและหลีกเลี่ยงความอับอายหลังจากที่คดีได้สิ้นสุดลง