ปัจจุบันการลงทุนในตลาดการเงินถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สินทรัพย์ในการลงทุนก็มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น , Forex , กองทุน, สินค้าโภคภัณฑ์ และ Crytocurrency เป็นต้น แต่ในบทความนี้เราขอพูดถึงความแตกต่างของหุ้นกับกองทุนรวม รวมถึงเหมาะสมกับนักลงทุนประเภทไหน
ทำความรู้จักหุ้น
หุ้น หรือตราสารทุน คือการแสดงความเป็นเจ้าของของกิจการ ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจภายในประเทศหรือผลการดำเนินงานของบริษัท เป็นต้น เราสามารถนำเงินเข้าลงทุนกับหุ้นบริษัทที่เราอยากมีสัดส่วนความเป็นเจ้าของ โดยเราไม่ต้องบริหารจัดการบริษัทเอง ให้ผู้บริหารของบริษัทเป็นคนจัดการ ส่วนอัตราผลตอบแทนที่ได้รับ คือ เงินปันผล และส่วนต่างของราคา ซึ่งเงินปันผลที่ได้รับขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท บางบริษัทไม่ได้ให้เงินปันผล แต่นำผลกำไรที่ได้ไปลงทุนเพื่อขยายกิจการเพิ่ม
หุ้นเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
– หุ้นเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้
– นักลงทุนควรมีเวลาในการศึกษาหุ้นแต่ละประเภท และติดตามข่าวสาร
ทำความรู้จักกองทุนรวม
กองทุนรวม มีหลากหลายประเภท คือ การระดมทุนจากนักลงทุนหลายคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อจัดตั้งกองทุนเหล่านั้นขึ้นมา มีผู้จัดการกองทุนเป็นคนดูแล ซึ่งกองทุนรวมมีหลากหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ และน้ำมัน เป็นต้น จึงสามารถจัดพอร์ตการลงทุนที่สามารถกระจายความเสี่ยงได้ โดยกองทุนมีหลากหลายประเภท ความเสี่ยงแต่ละประเภทก็แตกต่างกัน และกองทุนรวมตลาดการเงินภายในประเทศมีความเสี่ยงต่ำสุด ส่วนกองทุนรวมที่เป็นสินทรัพย์ทางเลือกมีความเสี่ยงสูงสุด และอัตราผลตอบแทนกองทุนรวมมีลักษณะเดียวกับหุ้น คือ เงินปันผลและส่วนต่างราคา
กองทุนรวมเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน?
– กองทุนรวมเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ทุกระดับ
– นักลงทุนที่ไม่ค่อยมีในการติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน
ความแตกต่างของหุ้นกับกองทุนรวม
หุ้นและกองทุนรวมมีข้อแตกต่างทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้
1. การเลือกลงทุนหุ้นต้องเลือกและจัดการพอร์ตด้วยตัวเอง ส่วนการเลือกลงทุนกองทุน มีผู้จัดการดูแล และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
2. ความเสี่ยงของหุ้น สามารถแปรผันได้ตามหุ้น และประสบการณ์ ความเข้าใจด้านการลงทุนของนักลงทุน ส่วนความเสี่ยงกองทุนรวมเป็นไปตามนโยบายการลงทุน และความเชี่ยวชาญของผู้ดูแลกองทุน
3. หุ้นไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ส่วนกองทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
กล่าวโดยสรุป หุ้น เป็นการแสดงสัดส่วนความเป็นเจ้าของกิจการ ส่วนกองทุน คือ การระดมทุนของนักลงทุนหลายคน มีสินทรัพย์ที่ลงทุนหลากหลาย ซึ่งทั้งหุ้นและกองทุนรวมได้รับผลตอบแทนเหมือนกัน คือเงินปันผลและส่วนต่างราคา แต่หุ้นและกองทุนมี ความแตกต่างกัน ตั้งแต่เรื่องของการจัดพอร์ตการลงทุน, ระดับความเสี่ยง และเรื่องการลดหน่อยภาษี หุ้นไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ส่วนกองทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น หุ้นและกองทุนจึงมีความเหมาะสมกับนักลงทุนที่แตกต่างกัน โดยหุ้นเหมาะกับนักลงทุนที่มีเวลาในการติดตามข่าวสาร สามารถยอมรับความเสี่ยงสูงได้ ส่วนกองทุนรวมเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการติดตามข่าวสาร เพราะมีผู้จัดการกองทุนดูแลให้ สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ทุกระดับ
——————————————————————————————————————————————
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
อ่านรีวิว Exchange อื่น ๆ ได้ที่: Crypto Exchanges
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News