ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงค่อนข้างมาก แต่สินทรัพย์ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนั้นได้รับอนิสงค์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยตรง อีกทั้งยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นเพียงแค่ถือให้ครบกำหนดสัญญา เหมาะมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และนักลงทุนระยะยาว ซึ่งสินทรัพย์นั่นคือ “หุ้นกู้”
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ หุ้นกู้ คือ อะไร? ประเภทของหุ้นกู้ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการลงทุนสินทรัพย์นี้ และความเสี่ยงของหุ้นกู้ พร้อมสิ่งต่าง ๆ ที่คุณควรจะรู้ก่อนลงทุนหุ้นกู้ เรียกได้ว่า ครบ จบ ในที่เดียว
- หุ้นกู้ คือ อะไร?
- ระยะเวลาการจ่ายดอกเบี้ย และอายุของหุ้นกู้ คือ อะไร?
- ประเภทของ “หุ้นกู้”
- การจัดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ (Credit Rating)
- สิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุน “หุ้นกู้”
- ข้อดีของ “หุ้นกู้”
- ความเสี่ยงของการลงทุน “หุ้นกู้”
———————————— 🐣 ————————————
หุ้นกู้ คือ อะไร?
หุ้นกู้ (Corporate Bond) คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน เพื่อจะระดมทุนไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ตามแผนของทางบริษัท โดยผู้ที่ซื้อหุ้นกู้จะถือว่าอยู่ในสถานะของเจ้าหนี้ของกิจการที่เราได้ซื้อหุ้นกู้ไว้ โดยลักษณะของหุ้นกู้ คือ ผู้ออกหุ้นกู้นั้นจะต้องสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และจะทำการชำระเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
“หุ้นกู้ออกใหม่” เดือนเมษายน 2566 ดอกเบี้ยสูงสุด 7.25% ห้ามพลาด!
ระยะเวลาการจ่ายดอกเบี้ย และอายุของหุ้นกู้ คือ อะไร?
ระยะเวลาการจ่ายดอกเบี้ย
โดยทั่วไปหุ้นกู้จะจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 3 เดือน และ 6 เดือน ส่วนหุ้นกู้ประเภท Zero-coupon จะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย
อายุของหุ้นกู้
หุ้นกู้จะกำหนดอายุที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะมีอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี หรือ 10 ปี และหากรัฐบาลทำการออกหุ้นกู้ในลักษณะนี้จะถูกเรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาล”
ประเภทของ “หุ้นกู้”
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ การทำความรู้จักกับข้อมูลพื้นฐานของสินทรัพย์นั้น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของหุ้นกู้ เพื่อที่จะดูว่า หุ้นกู้แบบใดเหมาะกับตนเอง โดยธนาคารไทยพาณิชย์ได้ให้คำจำกัดความหุ้นกู้ในแต่ประเภท ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภทที่สำคัญ ดังนี้
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Bond)
- หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์ในอันดับที่ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญ
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Bond)
- หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์ในอันดับที่เท่ากับเจ้าหนี้สามัญ และสูงกว่าผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible bond)
- หุ้นกู้จะเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญทันที หากบริษัทออกหุ้นสามัญในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากับหุ้นกู้ที่ถืออยู่
หุ้นกู้มีประกัน (Secured Bond)
- บริษัทจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันการออกหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิในสินทรัพย์มากกว่าเจ้าหนี้สามัญหากบริษัทล้มละลาย
หุ้นกู้ไม่มีประกัน (Unsecured Bond)
- บริษัทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการออกหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นกู้ต้องทำการแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่นตามสิทธิและสัดส่วนที่ถือหากบริษัทล้มละลาย
ประเภท | สรุป |
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ | ผู้ถือมีสิทธิด้อยกว่าเจ้าหนี้รายอื่น |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ | ผู้ถือมีสิทธิเท่ากับเจ้าหนี้รายอื่น (มากกว่าผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิ) |
หุ้นกู้แปลงสภาพ | หุ้นกู้จะเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญทันที (หากบริษัทออกหุ้นสามัญ = หุ้นกู้ที่ถือ) |
หุ้นกู้มีประกัน | หุ้นกู้ที่มีสินทรัพย์วางประกันในการออก |
หุ้นกู้ไม่มีประกัน | หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์วางประกันในการออก |
การจัดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ (Credit Rating)
การจัดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ คือ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเปรียบเทียบความเสี่ยงในแต่ละอันดับได้ โดยสถาบันระดับสากล เช่น Standard & Poor’s (S&P’s), Moody’s และ Fitch Ratings ทำหน้าที่จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก รวมไปถึงอันดับเครดิตของประเทศ โดยอันดับที่จัดว่าลงทุนได้คือ BBB ขึ้นไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ระดับเครดิต | TRIS | Fitch | Moody’s | S&P | คำอธิบาย |
อันดับ 1 | AAA | AAA(tha) | Aaa | AAA | ความเสี่ยงต่ำที่สุด |
อันดับ 2 | AA | AA(tha) | Aa | AA | ความเสี่ยงต่ำมาก |
อันดับ 3 | A | A(tha) | A | A | ความเสี่ยงต่ำ |
อันดับ 4 | BBB | BBB(tha) | Baa | BBB | ความเสี่ยงปานกลาง |
สิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุน “หุ้นกู้”
- “Credit Ratings” ต่ำ “ผลตอบแทน” จะยิ่งสูง
- “ระยะเวลา” นาน “ผลตอบแทน” จะยิ่งสูง
- บริษัทที่ออกหุ้นกู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และจะทำการชำระเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
ข้อดีของ “หุ้นกู้”
- หุ้นกู้สามารถเป็นรายได้ประจำ
- หุ้นกู้ทำให้เงินลงทุนมั่นคงปลอดภัย
- หุ้นกู้ช่วยการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน
- หุ้นกู้สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้
- หุ้นกู้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน
ความเสี่ยงของ “หุ้นกู้”
ความเสี่ยงของหุ้นกู้ด้านอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกู้มีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นกู้จะมีมูลค่าสูง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ในทางตรงกันข้าม หุ้นกู้ก็จะมีมูลค่าลดลง เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ความเสี่ยงของหุ้นกู้ด้านเครดิต
หุ้นกู้มีความเสี่ยงด้านเครดิต โดยหุ้นกู้จะมีจุดที่แตกต่างจากหุ้นหรือหุ้นสามัญ คือ จะมีการจัด Credit Ratings (อันดับความน่าเชื่อถือ) เพื่อที่จะสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ และภาพรวมของกิจการที่ออกหุ้นกู้
ความเสี่ยงของหุ้นกู้ด้านกิจการ
ความเสี่ยงจากกิจการ คือ หุ้นกู้มีเงื่อนไขการค้ำประกัน (Collateralization) โดยมีไว้ในกรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาหรือต้องปิดกิจการ หรือล้มละลายนั่นเอง โดยจะไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามที่สัญญา โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
– หุ้นกู้ไม่มีค้ำประกัน (Unsecured bonds)
– หุ้นกู้มีประกัน (Secured bonds)
– หุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ (Subordinated bonds)
ส่วนลำดับในการชำระเงินต้นคืนเมื่อกิจการล้มละลาย จะเรียงลำดับการจ่ายเงินก่อนหลัง ดังนี้
1. หุ้นกู้มีประกัน
2. หุ้นกู้ไม่มีประกัน
3. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ์
4. หุ้นสามัญ
สรุป
หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน เพื่อจะระดมทุนไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ตามแผนของทางบริษัท อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทั้งหุ้นสามัญหรือหุ้นกู้ ย่อมมีเรื่องของความเสี่ยงเสมอ และการลดความเสี่ยงของหุ้นกู้ คือ ต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์และกิจการที่เรากำลังจะลงทุน เพื่อที่จะสามารถประเมินความเสี่ยงที่เรารับได้ และบรรลุเป้าหมายการลงทุนของเราได้มากที่สุดนั่นเอง