จากสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซีย และยูเครน ทำให้รัสเซียถูกชาติตะวันตกหลายประเทศลงโทษด้วยการคว่ำบาตร และอาจมีผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเปราะบางลง สอดคล้องกับที่ IMF หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ระบุว่า การคว่ำบาตรรัสเซียแบบนี้จะทำให้โครงสร้างของระบบการเงินโลกเปราะบางมากขึ้น
ซึ่งการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวัน ส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถที่จะเข้าถึงทุนสำรองระหว่างประเทศกับตลาดการเงินโลกได้ โดยรองผู้อำนวยการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ Gita Gopinath ได้ประเมินว่า ผลกระทบจากการคว่ำบาตรนี้ จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มมีบทบาททางเศรษฐกิจโลกลดน้อยลง
ที่ผ่านมารัสเซียได้พยายามที่จะลดการใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะตอนหลังจากสหรัฐอเมริกาดำเนินมาตรการคว่ำบาตรในกรณีที่รัสเซียได้ยึดครองไครเมียร์เมื่อปี 2014 ทำให้รัสเซียเริ่มเห็นควรว่า จะใช้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน้อยลง
หลังรัสเซียถูกคว่ำบาตรอีกครั้งจากสถานการณ์ที่รัสเซียบุกโจมตีประเทศยูเครน ทำให้รัสเซียเริ่มหาทางใช้คริปโตเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรจากนานาประเทศ รวมถึงเริ่มยอมรับการใช้ Bitcoin ในการซื้อขายสินค้ามากขึ้น
แต่จากคำแถลงของรองผู้ว่าการธนาคารกลางของรัสเซีย นาย Ksenia Yudaeva ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้คริปโตไม่สามารถช่วยหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้ เพราะประเทศทั่วโลกยังคงคว่ำบาตรต่อเนื่องเพื่อจำกัดการเข้าถึงทรัพยากรการเงินของรัสเซีย และรัสเซียเพิ่งถูกถอดออกจาก SWIFT ที่เป็นเครือข่ายการชำระเงินหลักสำหรับการค้าโลก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของ IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีการออกมาเตือนว่า การคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป จะส่งผลให้ธนาคารกลางของรัสเซียเกิดแรงจูงใจไปทำการค้าระหว่างกลุ่มประเทศเล็ก ๆ ที่มีการใช้สกุลเงินที่แตกต่างกันได้ แม้จะคาดว่า ค่าเงินที่มีอิทธิพลก็ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ แต่การใช้ช่องโหว่ในการเลี่ยงการคว่ำบาตรนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงิน และทำให้บางประเทศเข้าทำการเจรจาการค้ากับรัสเซียได้มากยิ่งขึ้นแน่นอน