ตามแอปพลิเคชันเครื่องหมายการค้า/บริการที่ลงทะเบียนกับสำนักงานสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ มาสเตอร์การ์ดจะครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่กิจกรรมใน Metaverse ไปจนถึง NFT เทคโนโลยี และความสนใจทั่วไปอื่น ๆ
ผู้ให้บริการทางการเงินจะให้บริการความบันเทิงและการศึกษาใน Metaverse นอกจากนี้ยังขยายไปยังกิจกรรมทางสังคม วัฒนธรรม และชุมชนอื่น ๆ ผ่าน Metaverse มาสเตอร์การ์ดอาจพยายามให้บริการทางการเงินให้กับผู้ใช้ในโลกเสมือนจริงด้วย
ตามรายงานอีกฉบับหนึ่งพบว่า มาสเตอร์การ์ดได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจุดสีเหลือง และสีแดงซึ่งจะมองเห็นได้บนบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ด้วยเหตุผลนี้มาสเตอร์การ์ดมีเป้าหมายที่จะผลักดันการใช้บัตรสำหรับการทำธุรกรรมทั่วโลกเสมือนจริง
เป็นที่ทราบกันดีว่า Metaverse ยังไม่ได้จดแผนที่ แต่ด้วยชื่อที่ยิ่งใหญ่ได้เขามาในพื้นที่ตรงนี้แล้วอาจจะอยู่ได้นาน ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในพื้นที่นี้มาสเตอร์การ์ดสามารถสร้างรายได้ถึง $10,000 แต่บริษัทก็จะเข้าใกล้ NFTs ด้วยนอกเหนือจากบริการ Metaverse ในเรื่องที่เอกสารระบุว่า
“ดาวน์โหลดไฟล์เพลงที่ได้รับการรับรองผ่านทาง NFT รวมถึงไฟล์มัลติมีเดียที่สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านงานศิลปะ ข้อความเสียง และวิดีโอที่ได้รับการรับรองโดย NFT”
NFT เหล่านี้จะอยู่ภายใต้แท็ก “PRICELESS” ซึ่งเป็นแคมเปญโฆษณาของบริษัทมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540
แต่มาสเตอร์การ์ดไม่ได้เป็นเพียงบริษัทเดียวที่เข้าถึงพื้นที่ได้ เนื่องจากบริษัทมหาชนรายใหญ่อื่น ๆ และแม้แต่บริษัทแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ก็เตรียมเข้าสู่โลกเสมือนจริง
นอกจากนี้ ตามที่ FXEmpire รายงานเมื่อไม่นานมานี้ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ได้ส่งใบสมัครที่คล้ายกันเพื่อขยายไปยัง NFT และ Metaverse โดยเน้นที่สกุลเงินดิจิทัลและร้านค้าปลีกเสมือนจริง
ในทำนองเดียวกัน KFC, Pizza Hut และ Taco Bell ก็ใช้วิธีนี้เพื่อประกาศการเข้าสู่ Metaverse
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ดูเหมือนว่าทุกคนที่กำลังใช้ Metaverse เพิ่มมากขึ้นถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดมากกว่าเป็นทางเลือกในโลกแห่งความเป็นจริง