หากพูดถึงการลงทุนในปัจจุบันนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล)ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดยในต้นปี 2021 ที่ผ่านมา ราคาเหรียญหลักในตลาดอย่าง BTC หรือ Bitcoin พุ่งสูงแตะ 63,000$/1BTC ในช่วงกลางเดือนเมษายน
แต่เมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายน ราคากลับร่วงอย่างรุนแรง อยู่ที่ 35,800$/BTC ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคา เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ความผันผวนของราคาทองคำและน้ำมัน รวมถึงข่าวลือเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จากความผันผวนของราคา BTC ส่งผลให้ราคาเหรียญอื่นๆในตลาดคริปโต (Altcoin) นั้นต่างร่วงลงตาม BTC ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในตลาด ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนกับเหรียญ Altcoin ขาดทุนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่สามารถทำกำไรในช่วงตลาด ขาลงเช่นนี้ได้ โดยใช้การเทรดแบบ Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) ซึ่งการลงทุนแบบ Futures เป็นเทคนิคที่สามารถทำกำไรในช่วงตลาดขาลงได้ แต่แลกมาด้วยความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงกว่าเทคนิคการเทรดแบบปกติ เช่น การเทรดแบบ Spot โดยลักษณะการเทรดแบบ Futures นั้น มีให้บริการในหลายโบรกเกอร์
โดยจะแบ่งสัญญาการซื้อขายออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สัญญาประเภท Long โดยสัญญาจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อราคาอ้างอิงของเหรียญสูงขึ้น แต่สัญญานี้จะมีมูลค่าลดลง หากราคาอ้างอิงของเหรียญลดลง ต่อมาคือ สัญญาประเภท Short สัญญาจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อราคาอ้างอิงของเหรียญลดลง แต่สัญญานี้จะมีมูลค่าลดลง หากราคาอ้างอิงของเหรียญเพิ่มขึ้น
จะเห็นได้ว่า เทคนิคการเทรดแบบ Futures ทำให้เราสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าราคาเหรียญคริปโตในปัจจุบันจะร่วงลงก็ตาม ด้วยการเทรดสัญญาประเภท Short แต่ถึงอย่างไร ก็สามารถขาดทุนได้เช่นกัน การเทรดแบบ Futures ยังสามารถปรับค่า leverage ได้ โดยเป็นการเพิ่มตัวคูณของจำนวนทุนเพื่อทำกำไรในสัญญาที่ทำการซื้อขาย ทำให้ใช้ทุนน้อย ทำกำไรได้มาก แต่หากจำนวนตัวคูณเยอะ ความเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้นเช่นเดียวกัน
นักลงทุนจึงควรศึกษาเทคนิคการลงทุนอย่างละเอียด และมีการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถทำกำไรจากตลาดคริปโตได้แม้ตลาดจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม