ในปี 2024 เรื่องของการลงทุนยังคงเป็นที่จับตามองของมนุษย์เงินเดือน และสำหรับคนไทยนั้นอาจจะคุ้นชินกับตลาดหุ้นกันเป็นอย่างดี หากจะเลือกลงทุนอะไรสักอย่างนักลงทุนมือใหม่อาจจะเลือกจากสิ่งที่เคยได้ยินหรือเคยได้ฟังมาจากคนที่มีประสบการณ์ ทำให้การ “เทรดหุ้น” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนมือใหม่เลือกลงทุนกันครับ
สำหรับมือใหม่ไม่เคยมีประสบการณ์การเทรดหุ้นแต่อยากลงทุน วันนี้ทีมงาน Gotradehere รวบรวมสิ่งที่ต้องรู้สำหรับมือใหม่จะเริ่มเทรดหุ้นยังไง ? ฉบับ 2024 อ่านบทความนี้จบพร้อมเทรดแน่นอนครับ !!
ทำความรู้จักตลาดหุ้นไทย (SET) ก่อนเริ่มเทรดหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange of Thailand : SET) หรือ ตลาดหุ้นไทย เปรียบเสมือนศูนย์กลางในการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย และทำหน้าที่เป็นตลาดรองในการซื้อขายแลกเปลี่ยนตราสารทุนหรือหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมี 2 ตลาดหลักได้แก่
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
- ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
บทบาทหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีผลต่อการ “เทรดหุ้น”
- เป็นตัวกลางในการช่วยบริษัทระดมทุนจากประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจหรือลงทุนในโครงการต่าง ๆ ในรูปแบบของการออกตราสารทุนหรือหุ้น
- เป็นตัวกลางที่ให้นักลงทุนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ดัชนีตลาดหุ้น SET เป็นตัวเลขที่ช่วยบอกภาพรวมของราคาหุ้น ณ วันนั้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ราคาหุ้นและประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนได้
มือใหม่ทำความรู้จักหุ้นก่อนเริ่มเทรด
หุ้น (Stock) คือ สิ่งที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของกิจการในบริษัทต่าง ๆ ตามสัดส่วนของหุ้นที่ได้ลงทุนไป ซึ่งผู้ถือหุ้นจะมีสถานะเปรียบเสมือน “เจ้าของกิจการ” โดยได้รับผลตอบแทนที่อาจอยู่ในรูปแบบของเงินปันผล หุ้นปันผล กำไรจากผลประกอบการ หรือสิทธิ์ในการออกเสียงซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่ถือ ณ เวลานั้นครับ
❓ แล้วหุ้นมาจากไหนและเราซื้อหุ้นได้จากไหน ❓
หุ้นมาจากการที่บริษัทนำเอาชื่อไปจดลงทะเบียนไว้ที่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อต้องการนำเงินทุนไปขยายกิจการ ในรูปแบบของการ ออกหุ้น แล้วนำมาขายให้กับนักลงทุน ซึ่งเราสามารถซื้อหุ้นได้ที่ “ตลาดหลักทรัพย์” ผ่าน “โบรกเกอร์” ครับ
และสำหรับคำว่า “การเทรดหุ้น” จะหมายถึง การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำกำไรจากราคาที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปในตลาดหุ้น ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงที่สูงแต่ก็แลกมากับการได้รับผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกันครับ
หุ้นมีกี่ประเภท
โดยทั่วไปหุ้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
หุ้นสามัญ (Common Stock)
เป็นตราสารทุนที่ออกโดย บริษัทมหาชนจำกัด (บจก.) โดยผู้ถือหุ้นจะมีสิทธิ ร่วมเป็นเจ้าของบริษัท นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น การมีสิทธิในการออกเสียงหรือลงมติในที่ประชุมของบริษัทซึ่งขึ้นอยู่กับสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ครับ โดยผลตอบแทนของหุ้นประเภทนี้จะอยู่ในรูปแบบของ
- เงินปันผลในรูปแบบของกำไรจากผลประกอบการของบริษัท
- สิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น การมีสิทธิออกเสียงหรือลงมติในที่ประชุมของบริษัท
หุ้นบุริมสิทธิ (Prefer Stock)
เป็นหุ้นที่ผสมผสานระหว่างพันธบัตรและหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นจะมีสิทธิ เพียงผู้ลงทุนเท่านั้น ซึ่งจะไม่ได้สิทธิพิเศษอื่น ๆ เหมือนกับหุ้นสามัญครับ โดยผลตอบแทนของหุ้นประเภทนี้จะอยู่ในรูปแบบของ
- เงินปันผลแบบอัตราคงที่
เทรดหุ้นได้รับผลตอบแทนอะไรบ้าง ?
🔴 กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น
การขายหุ้นจะได้รับในส่วนของกำไรจากราคาที่ผันผวนในตลาด ณ เวลานั้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น
เราซื้อหุ้น A มาในราคา 10 บาท เมื่อเวลาผ่านไปราคาหุ้น A ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 30 บาท หากเราขายหุ้น A ณ เวลานั้นจะได้รับเงินจำนวน 30 บาท เท่ากับว่าได้กำไร 20 บาทนั่นเอง
โดยการที่จะได้มาซึ่งกำไรจากการขายหุ้นนักลงทุนจะต้องวิเคราะห์กราฟและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้น รวมถึงศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรจากการขายหุ้นครับ
🔴 เงินปันผล
เงินปันผลถือเป็นผลตอบแทนที่ได้จากการถือหุ้นของบริษัท ซึ่งโดยปกติเงินปันผลจะจ่าย 1-2 ครั้ง/ ปี ซึ่งบริษัทอาจมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงเพื่อดึงดูดนักลงทุน อีกทั้งยังเป็นผลตอบแทนที่ได้ในระยะยาวและเป็นตัวบ่งบอกความมั่นคงของทางบริษัทด้วยเช่นกัน
🔴 สิทธิพิเศษอื่น ๆ
นอกจากนี้การถือหุ้นยังทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ได้ก่อนใคร สิทธิในการลงคะแนนเสียงหรือมติในที่ประชุมของทางบริษัท เป็นต้น ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ครับ
เทรดหุ้นต้องมีต้นทุนเท่าไหร่ดี ?
การซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยมีการกำหนดขั้นต่ำอยู่ที่ 1 Board Lot ซึ่งเท่ากับ 100 หุ้น ยกตัวอย่างเช่น
หุ้น PTT ราคาหุ้นละ 34.25 บาท ขั้นต่ำในการซื้อเท่ากับ 100 หุ้น
แปลว่าต้องใช้ต้นทุนการซื้อหุ้นเท่ากับ 3,425 บาท นั่นเอง
❓ เทรดหุ้นต้องมีต้นทุนเท่าไหร่ดี ❓
คงตอบแบบเป็นตัวเลขที่ตายตัวไม่ได้ เนื่องจากราคาหุ้นมีการผันผวนอยู่ตลอดเวลาและมีจำนวนขั้นต่ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น นักลงทุนจะต้องศึกษาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นครับ
มือใหม่เริ่มเทรดหุ้นต้องทำอะไรบ้าง ?
เปิดบัญชีออนไลน์กับทางโบรกเกอร์
อย่างแรกก่อนจะไปเทรดหุ้นได้ทุกคนต้องมีบัญชีสำหรับการเทรดก่อนครับ ซึ่งนักลงทุนสามารถเปิดบัญชีผ่านโบรกเกอร์แบบออนไลน์ได้
แอพพลิเคชันสำหรับเปิดบัญชีและเทรดหุ้นแนะนำ
ทางทีมงาน Gotradehere ขอแนะนำแอพพลิเคชันยอดนิยมและใช้งานง่ายเปิดให้บริการในประเทศไทย เช่น Streaming, eFin Trade Plus, SET, Settrade App, Aspen Bualung Trade, KS Super Stock และ FINNOMENA App เป็นต้น เหมาะสำหรับคนไทย ปี 2024
เลือกหุ้นที่สนใจและซื้อเพื่อเตรียมเทรด
นักลงทุนมือใหม่อาจจะยังตัดสินใจหรือเลือกไม่ได้ว่าควรจะซื้อหุ้นตัวไหนดี โดยอาจจะลองพิจารณาเลือกจาก “การแบ่งหุ้นตามหลักปีเตอร์ลินซ์” ซึ่งการแบ่งหุ้นตามหลักการนี้จะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถมองเห็นภาพรวมของหุ้นในแต่ละธุรกิจได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้นครับ
- หุ้นโตเร็ว (Fast Growers) : เป็นกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก – กลางที่อยู่ในช่วงกำลังเติบโตหรือขยายธุรกิจ สามารถเติบโตได้ดีและให้ตอบแทนที่ดีในระยะเวลาที่ไม่นานมาก ยกตัวอย่างเช่น หุ้น ADVANC, หุ้น CPALL และหุ้น KCE เป็นต้น
- หุ้นโตช้า (Slow Growers) :เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตช้าหรือค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว มีรายได้ต่อปีที่เพิ่มขึ้นไม่สูงมาก แต่ยังให้ผลตอบแทนดีและได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น หุ้น BJC, หุ้น INTUCH และหุ้น PTT เป็นต้น
- หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts) : เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่มีชื่อเสียง ธุรกิจกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ในระดับปลอดภัย แม้จะเจอวิกฤตเศรษฐกิจก็ยังสามารถอยู่รอดได้ ยกตัวอย่างเช่น หุ้น CPB, หุ้น CRC และหุ้น DELTA เป็นต้น
- หุ้นวัฏจักร (Cyclical) : กลุ่มบริษัทที่ขายสินค้าเกี่ยวกับโภคภัณฑ์หรือสินค้าการเกษตร โดยรายได้จะมาตามช่วงฤดูกาลหรือกำไรมีการขึ้น – ลงตามสภาพเศรษฐกิจและราคาในตลาด ณ ตอนนั้น ยกตัวอย่างเช่น หุ้น AOT, หุ้น BANPU และหุ้น PTTEP เป็นต้น
- หุ้นฟื้นตัว (Turnaround) : กลุ่มบริษัทที่อยู่ในช่วงขาลงหรือขาดทุนจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ต้องมีการปรับนโยบายเพื่อฟื้นตัวและหากสามารถฟื้นตัวกลับมาได้สำเร็จ ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หุ้น CENTEL, หุ้น DOHOME และหุ้น HMPRO เป็นต้น
- หุ้นสินทรัพย์มาก (Asset Play) : กลุ่มบริษัทที่มีการถือครองสินทรัพย์หรือหุ้นในกิจการอื่น ๆ เก็บซ่อนไว้ ทำให้มูลค่าของบริษัทยังไม่แน่นอนแต่เมื่อตลาดรับรู้ถึงมูลค่าของสินทรัพย์ที่แท้จริง มูลค่าของหุ้นบริษัทมีแนวโน้มสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หุ้น LH, หุ้น SIRI และหุ้น SPALI เป็นต้น
กลยุทธ์เทรดหุ้นสำหรับมือใหม่
การลงทุนหรือการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การวางแผนและการใช้กลยุทธ์ในการลงทุน หากเลือกแผนหรือกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะกับตัวเองอาจส่งผลเสียกับการลงทุนแทนได้ ซึ่งในวันนี้จะพานักลงทุนมือใหม่ไปรู้จักกลยุทธ์แบบ Market Timing และ DCA ครับ
🔴 กลยุทธ์แบบ Market Timing
เป็นกลยุทธ์ที่เล่นกับจังหวะของราคาตลาดหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ โดยต้องการผลลัพธ์ คือ กำไรที่ได้จากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ขายไป โดยกลยุทธ์แบบ Market Timing สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีแต่แลกมากับความเสี่ยงที่สูงด้วยเช่นกันเนื่องจากราคาในตลาดหุ้นมีความผันผวนที่สูงครับ
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน ?
- ชอบวิเคราะห์ภาพรวมตลาด วิเคราะห์เส้นกราฟ หรือมีความสนใจในเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุน
- มีเวลาหรือสามารถแบ่งเวลาให้กับการลงทุน
- มีต้นทุนสำหรับลงทุน
🔴 กลยุทธ์แบบ Dollar Cost Average หรือ DCA
เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนแบบสม่ำเสมอ เป็นการซื้อหุ้นในจำนวนที่เท่า ๆ กันในทุกเดือนโดยไม่สนใจราคาหุ้น ณ เวลานั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการคือผลตอบแทนในระยะยาวอย่าง “เงินปันผล” หรือส่วนต่างของราคาหุ้นที่ขายได้เมื่อราคาสูงถึงจุดพีค และถึงแม้จะได้ผลตอบแทนที่ไม่มากแต่ความเสี่ยงในการลงทุนรูปแบบนี้ถือว่าน้อยเช่นกันครับ
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน ? :
- ไม่มีเวลาในการศึกษาด้านการลงทุน
- มีวินัยในการลงทุนที่สูง ไม่ไขว้เขวต่อราคาตลาด ณ ช่วงเวลานั้น
ความเสี่ยงและปัจจัยที่มีผลกับการเทรดหุ้น มือใหม่ควรรู้ไว้
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงไม่เว้นแม้แต่การลงทุนในตลาดหุ้น การศึกษาปัจจัยและความเสี่ยงที่มีผลต่อราคาในตลาดหุ้นจะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถรับมือต่อราคาตลาดหุ้นที่มีความผันผวน และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงจากการขาดทุนในตลาดหุ้นได้ครับ
🔴 เศรษฐกิจในประเทศ
นโยบายทางการเงิน : การกำหนดนโยบายทางการเงินมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน หากธนาคารกลางมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น เงินฝาก พันธบัตร หรือหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ความต้องการและราคาหุ้นลดลงได้ครับ
อัตราเงินเฟ้อ : อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทำให้การใช้จ่ายของประชาชนในประเทศลดลง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รายได้ของบริษัทลดลง ซึ่งส่งผลต่อราคาในตลาดหุ้นโดยตรง
อัตราการจ้างงาน : อัตราการจ้างงานที่ลดลงมีความหมายว่าประชาชนตกงานมากขึ้น เริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย มีการใช้เงินลดลงและประหยัดมากขึ้นส่งผลต่อรายได้ของบริษัท ซึ่งอาจทำให้ราคาตลาดหุ้นลดลง
ความต้องการซื้อขาย : ความต้องการซื้อขายหรืออุปสงค์-อุปทานส่งผลต่อราคาในตลาดหุ้นโดยตรง ยิ่งความต้องการหุ้นตัวหนึ่งสูงขึ้นราคาหุ้นก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ตรงกันข้ามเมื่อราคาหุ้นลดลงความต้องการซื้อก็น้อยลงเช่นกัน
🔴 สถานการณ์ภายในประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ภายในประเทศ เช่น ปัญหาทางการเมือง การเลือกตั้งผู้นำประเทศ นโยบายของรัฐบาล สภาพเศรษฐกิจในประเทศและปัญหาอื่น ๆ ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนทั้งจากคนในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์อื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนมือใหม่ควรติดตามข่าวสารภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในประเทศที่ไม่แน่นอน
🔴 ปัจจัยจากทางบริษัท
รายได้ของทางบริษัท : ผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้นหมายถึงบริษัทมีรายได้มากขึ้นและกำไรสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับเพิ่มสูงขึ้น
ภาระหนี้สิน : บริษัทที่มีภาระหนี้สินไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดแต่นักลงทุนจะต้องประเมินความสามารถในการจัดการเรื่องหนี้สินของบริษัทให้ดี เนื่องจากมีผลต่อราคาหุ้นและผลตอบแทนที่จะได้รับโดยตรง ยิ่งบริษัทมีหนี้สินที่เยอะอาจส่งผลให้ราคาในตลาดหุ้นลดลงและไม่น่าลงทุนครับ
แผนบริหารจัดการ : หากบริษัทมีแผนในการบริหารและจัดการที่ดีพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจทุกรูปแบบ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของบริษัทและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งอาจส่งผลกับราคาหุ้นของบริษัทด้วยเช่นกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดหุ้น
❓ เทรดหุ้นได้เงินจริงไหม
การเทรดหุ้นจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาและเงินปันผล ซึ่งคำถามที่ว่า “เทรดหุ้นได้เงินจริงไหม” อาจตอบได้ว่าขึ้นอยู่กับหุ้นที่เลือกด้วย เพราะการเลือกลงทุนในหุ้นที่ทำผลงานได้ดีและมีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงอาจทำให้เราสามารถทำกำไรจากหุ้นตัวนั้น ๆ ได้ แต่หากเลือกหุ้นที่ผลงานไม่ดีหรือไม่จ่ายปันผลก็อาจทำให้ขาดทุนได้เช่นกันครับ
❓ เทรดหุ้นแอพไหนดี
การเลือกแอพพลิเคชันสำหรับการเปิดบัญชีและเริ่มเทรดหุ้นอาจจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับ ค่าธรรมเนียม ความรวดเร็ว เป็นต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกโกงจากโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
❓ มีเงินแค่ 1,000 บาท ซื้อหุ้นได้ไหม
สามารถซื้อหุ้นได้เนื่องจากราคาตลาดหุ้นในปัจจุบันมีหุ้นที่ราคาไม่สูงอยู่ ซึ่งนักลงทุนจะต้องศึกษาปัจจัยโดยรวมของหุ้นเพื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าของหุ้นที่จะซื้อก่อนเสมอ โดยมีขั้นต่ำในการซื้ออยู่ที่ 1 Board Lot หรือเท่ากับ 100 หุ้น
❓ จะเริ่มเทรดหุ้นยังไงดี
- กำหนดเป้าหมายการลงทุน อยากได้อะไรจากการลงทุน
- เปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหุ้น
- วิเคราะห์หุ้นก่อนซื้อทุกครั้ง
- วิเคราะห์กราฟเพื่อหาโอกาสในการทำกำไร
- อย่าลืมบริหารจัดการเงินให้ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- หาเวลาศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อหาโอกาสในการทำกำไร
สรุปเกี่ยวกับการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่การเทรดหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจกับตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก หากเราสามารถเข้าใจถึงภาพรวมตลาดหุ้น วิเคราะห์หุ้นรายตัว และประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นถึงโอกาสในการทำกำไรจากการเทรดหุ้น ดังนั้นนักลงทุนมือใหม่ควรหาเวลาในการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการลองลงทุนจริงเพื่อให้มองเห็นภาพและเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News