ตลาด Forex (Foreign Exchange) เป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงที่สุดในตลาดเงินต่าง ๆ ทำให้เป็นที่ดึงดูดของเทรดเดอร์จำนวนมาก แต่ด้วยสาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้การเทรด Forex มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ในทางตรงกันข้าม Forex ก็สามารถทำให้คุณมีเงินเพิ่มมากขึ้นเพียงข้ามคืนเช่นกัน ดังนั้น หากคุณคิดจะลงทุนในตลาดนี้จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาด Forex อย่างละเอียดและรอบคอบ โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐาน, เทคนิคการเทรด, กลยุทธ์การเทรด รวมทั้งคำศัพท์ที่ใช้ในการเทรด
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเคล็ดลับการเทรด Forex ให้ได้กำไร และป้องกันการล้างพอร์ต โดยการใช้เครื่องมือพื้นฐานง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้นั่นคือ การตั้งค่า TP SL พร้อมอธิบายความหมาย TP (Take Profit) คือ อะไร และ SL (Stop Loss) คือ อะไร เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้นและนำไปปรับใช้ในการเทรดของคุณ
———————————— 🐣 ————————————
Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)
TP คือ อะไร? Take Profit คือ อะไร?
TP ย่อมาจาก Take Profit คือ การกำหนด “จุดทำกำไร” ณ ราคาหนึ่ง หากราคามาวิ่งมาถึงจุดที่เรากำหนดไว้แล้ว ระบบจะทำการปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติ ดังนั้น วิธีตั้งค่า TP จึงต้องประกอบด้วยการวิเคราะห์เชิงเทคนิคมาอย่างรอบคอบแล้ว ถึงจะสามารถก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้
SL คือ อะไร? Stop Loss คือ อะไร?
SL ย่อมาจาก Stop Loss คือ การกำหนด “จุดขาดทุน” ณ ราคาหนึ่ง หากราคาไม่ได้วิ่งสวนทางแนวโน้มที่คุณวิเคราะห์ไว้ และเมื่อมาถึงจุดที่ตั้งค่า SL ระบบจะทำการปิดออเดอร์โดยอัตโนมัติ มันเป็นเหมือนการกำหนดว่า คุณสามารถขาดทุนได้เพียงเท่านี้ ดังนั้น วิธีตั้งค่า SL จะช่วยป้องกันการล้างพอร์ตได้ และมีประโยชน์มากในกรณีที่คุณไม่ได้อยู่หน้าหน้าจอในการเทรด
ทำไมต้อง ตั้งค่า TP SL ทุกครั้ง
หากเราพึ่งเข้ามาเป็นเทรดเดอร์ในตลาดการลงทุนได้ไม่นาน คงจะมีคำถามว่า “ทำไมต้อง ตั้งค่า TP SL ด้วย โดยเฉพาะ TP ทำไมไม่ปล่อยให้มันวิ่งขึ้นและทำการขายทีเดียว” ขอบอกว่า คุณทำได้แบบนั้นครับ ถ้าคุณอยู่ในตลาดการลงทุนที่ถูกจริตกับวิธีนั้น เพราะตลาดการลงทุนมีหลากหลายรูปแบบ หากเป็นตลาดหุ้นสามารถซื้อหุ้นในราคาถูกแล้วปล่อยเวลาผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี แล้วมา Take Profit ทีเดียวเมื่อราคาหุ้นแพงขึ้น แต่ในตลาด Forex ไม่ควรทำเช่นนั้น
วิธีตั้งค่า TP SL สำคัญมากในตลาด Forex เนื่องจากเป็นการซื้อขายแบบ CFD (Contract for Difference) หรือเรียกว่า “การซื้อขายสัญญาส่วนต่าง” ซึ่งราคามีความผันผวนรุนแรง ทำให้การกำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss สามารถรักษาพอร์ตการลงทุนของคุณได้
ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดออเดอร์ Buy XAU และวิเคราะห์ว่า ราคาทองคำจะขึ้นแล้วทำการซื้อถูกไปขายแพง โดยวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อทองคำ รวมทั้งดู Indicator อย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ทองคำมีแนวโน้มที่จะราคาขึ้นแน่นอน และไม่ได้ ตั้งค่า TP SL ไว้ คือ การปล่อยกราฟให้พุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ พอกราฟขึ้นสูงเท่าไร ยิ่งทำให้เราความรู้สึกภูมิใจในออเดอร์ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
หลักจากนั้นคุณได้ปิดหน้าจอ แล้วเอนตัวลงนอนแบบไม่ได้คิดอะไร เพราะมั่นใจ 100% ว่า ตนเองทำกำไรได้แน่ ๆ ในออเดอร์นี้ พอเช้าวันต่อมากลับเห็นว่า ออเดอร์ที่เปิดไว้เมื่อคืนราคาวิ่งลงมาอยู่ในแดนลบ มันเป็นความรู้สึกที่เสียดายกำไรเอามาก ๆ คุณคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับคุณใช่ไหมครับ และนี่จึงเป็นคำตอบว่าทำให้เราเห็นถึงให้ความสำคัญกับการ ตั้งค่า TP SL หรือ Take Profit และ Stop Loss เวลาเปิดออเดอร์ทุกครั้ง
วิธีตั้งค่า TP SL
วิธีตั้งค่า TP SL หรือกำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปตามสไตล์ของแต่ละคนว่า คุณพึงพอใจในกำไรเท่าไร และยอมรับการขาดทุนได้มากน้อยเพียงใด แต่ควรมีการวิเคราะห์มาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งปกติเทรดเดอร์จะมีวิธีตั้งค่า TP SL จากการคำนวณการเคลื่อนที่ของ Pips หรือคิดเป็น % ของจำนวนเงินทุนที่มีในพอร์ต หรือบางคนอาจดูข่าวเศรษฐกิจในช่วงนั้น ๆ ประกอบด้วย เพื่อประมาณ % ว่ากราฟมีโอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน เมื่อกราฟวิ่งมาถึงจุด TP ที่เราตั้งไว้แล้ว ระบบจะทำการปิดออเดอร์ ทำให้เราได้รับกำไรนั่นเองครับ นอกจากนี้ คุณควรใช้ Indicator เพื่อช่วยในการวิเคราะห์จุด TP (Take Profit) และ SL (Stop Loss) ให้แม่นยำมากขึ้น เช่น
- การหาจุด Take Profit และ Stop loss โดยใช้ แนวรับ-แนวต้าน
- การหาจุด Take Profit และ Stop loss โดยใช้ Fibonacci
- การหาจุด Take profit และ Stop loss โดยใช้ Indicator ต่าง ๆ
- การหาจุด Take profit และ Stop loss โดยระบบ
ตัวอย่าง วิธีตั้งค่า Take Profit (TP)
วิธีตั้งค่า TP มีซับซ้อนมากกว่า SL ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล แต่ต้องผ่านการวิเคราะห์มาอย่างถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น
- กำหนดกำไรเป็น % โดยปกติเทรดเดอร์ส่วนมากมักจะกำหนดกำไรไว้ที่ประมาณ 3-10% ต่อการเทรด 1 ครั้ง เพื่อลดโอกาสในการขาดทุน และการไม่โลภมากจนเกินไปก็ทำให้เงินทุนเราปลอดภัยตามไปด้วย
- ไม่เปลี่ยนตำแหน่งจุด TP (Take Profit) เมื่อเราเริ่มมองเห็นกำไรในออเดอร์นั้น ๆ แล้วในขณะที่กราฟวิ่งมาใกล้จุดทำกำไรที่เราตั้งไว้ (Take Profit) แล้วบางทีเราจะมีความรู้สึกว่าอยากเลื่อนจุด Take Profit ออกไปอีก เพื่อให้ได้กำไรที่มากขึ้น ซึ่งการทำแบบนี้ถือว่าไม่สิ่งไม่ควร เพราะเทรดเดอร์ที่มีแผนการเทรดจริง ๆ เขาจะวางจุดทำกำไร และจุดขาดทุนไว้ตั้งแต่ตอนแรก แล้วไม่มานั่งกังวลอยู่หน้าจอตลอดเวลา แต่ก่อนที่คุณจะสามารถทำแบบนี้ได้ คุณต้องมีการฝึกฝนในด้านจิตวิทยาการเทรด Forex ด้วยครับ
ตัวอย่าง วิธีตั้งค่า Stop Loss (SL)
วิธีตั้งค่า SL อาจไม่มีซับซ้อนเท่าวิธีตั้งค่า TP แต่ความสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้ให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ดังนี้
- ตั้งจุดตัดขาดทุนตามสัดส่วนความเสี่ยงของเงินทุน
- ตั้งจุดตัดขาดทุนตามรูปแบบของกราฟ
- ตั้งจุดตัดขาดทุนตามความผันผวน
- ตั้งจุดตัดขาดทุนตามเวลา
รูปแบบ วิธีตั้งค่า Take Profit (TP)
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า วิธีตั้งค่า TP หรือ Take Profit นั้นมีความซับซ้อนกว่า SL หรือ Stop Loss ค่อนข้างมาก เราจึงได้แบ่งประเภทออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
วิธีตั้งค่า Take Profit (TP) ในเทรนขาขึ้น
วิธีตั้งค่า TP (Take Profit) ในเทรนขาขึ้น คือ การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาขึ้น หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าการที่เราซื้อของถูกเพื่อไปขายแพงในอนาคต
วิธีตั้งค่า Take Profit (TP) ในเทรนขาลง
วิธีตั้งค่า Take Profit (TP) ในเทรนขาลง คือ การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาเป็นเทรนขาลง หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าการที่เราขายของแพงก่อน เพื่อไปซื้อคืนในราคาถูก (การวิเคราะห์ว่าราคาจะลงในอนาคต แต่เราขายก่อน)
วิธีตั้งค่า Take Profit (TP) ในช่วงที่ราคาเป็นลักษณะ Sideways
วิธีตั้งค่า Take Profit (TP) ในช่วงที่ราคาเป็นลักษณะ Sideways คือ การตั้งจุดทำกำไรในช่วงที่ราคาวิ่งอยู่ในกรอบ เทรดเดอร์เรียกกราฟลักษณะนี้ว่าการเคลื่อนที่แบบ Side Way หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าการซื้อถูกขายแพงในช่วงระยะสั้น ๆ
ประโยชน์ของ Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)
- คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้ากราฟตลอดทั้งวัน
- คุณสามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอนด้วยการตั้งจุด TP (Take Profit)
- มันช่วยลดความเสี่ยงในการล้างพอร์ต
- คุณจะสามารถวางแผนการเงินเพื่อใช้เทรดได้ดียิ่งขึ้น
- การเทรดของคุณจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย Take Profit (TP) คือ อะไร? Stop Loss (SL) คือ อะไร? และ วิธีตั้งค่า TP และ SL
วิธี Stop Loss มีกี่แบบ
► Stop loss หรือการตัดขาดทุน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น Percentage Stop, Chart Stop, Volatility Stop และ Time Stop
Cut loss ต่างกับ Stop Loss ต่างกันยังไง
► Stop Loss คือ การขายสินทรัพย์เมื่อเห็นว่ากำไรลดลง ไม่จำเป็นต้องขาดทุน แต่ Cut Loss คือการขายสินทรัพย์หลังจากขาดทุนไปแล้ว เพื่อไม่ให้ขาดทุนหนักกว่าเดิม
Take Profit กับ Stop Loss ต่างกันอย่างไร
► Take Profit คือ Equity ที่เทรดเดอร์ปิดการลงทุนเพื่อรับผลกำไรจำนวนหนึ่ง แต่ Stop Loss คือ Equity ที่เทรดเดอร์ปิดการลงทุนเพื่อหยุดการขาดทุนที่จะเพิ่มขึ้น
———————————— 🐣 ————————————
สรุป
ในบทความนี้ เราได้อธิบายว่า Take Profit (TP) คือ อะไร? Stop Loss (SL) คือ อะไร? และ วิธีตั้งค่า TP และ SL ไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็นว่า การกำหนดจุดทั้งสองนี้มีประโยชน์มากสำหรับการเทรด นอกจากนั้น การกำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และลดความเสี่ยงในการล้างพอร์ตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการเทรด Forex ยังมีเทคนิคและกลยุทธ์อีกมากมายให้คุณต้องเรียนรู้ หากใครกำลังสนใจการลงทุนในตลาดนี้ จำเป็นต้องหมั่นศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม และอีกสิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ การเลือกโบรกเกอร์ ที่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์นักลงทุน ซึ่งการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของการเทรดที่มีประสิทธิภาพครับ
หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex เราได้รวบรวมไว้แล้ว!
โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ
โบรกเกอร์ Forex โบนัสฟรี เทรดฟรี
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News