Dollar Index คืออะไร? ดูยังไง? อยากลงทุนเป็นต้องอ่าน

ดัชนีดอลลาร์ หรือ Dollar Index คือ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของโลกและยังเป็นตัวเลขสำคัญต่อนักลงทุน แล้วตัวเลขนี้สำคัญอย่างไร? เราจะพาไปทำความเข้าใจกับดัชนีดอลลาร์กันครับ

——————–🐣——————–

Dollar Index (DXY) คืออะไร?

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY หรือ USDX) คือ ดัชนีที่ใช้วัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ที่เป็น 6 คู่ค้าหลักกับสหรัฐฯ ได้แก่ 1. Euro 2. Japanese Yen 3. British Pound 4. Canadian Dollar 5. Swedish Krona และ 6. Swiss Franc เพื่อวัดค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหรืออ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเหล่านี้ ซึ่งจะมีค่าน้ำหนักที่ไม่เท่ากัน โดยคำนวณในลักษณะเรขาคณิต ผ่านระบบตะกร้าเงิน

จากการถ่วงน้ำหนักของดัชนีดอลลาร์ สามารถนำไปเป็นข้อมูลในการเก็งกำไรสกุลเงินได้ ซึ่งสกุลเงินที่จะเห็นแนวโน้มได้ค่อนข้างชัดเจน คือ เงินสกุล Euro ที่มีค่าน้ำหนักมากที่สุด โดยแนวโน้มค่าเงิน Euro จะแปรผกผันกับดัชนีดอลลาร์ เมื่อดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง ค่าเงิน Euro จะแข็งค่า และในทางตรงกันข้าม หากดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ค่าเงิน Euro ก็จะอ่อนค่าลงนั่นเอง

——————–🐣——————–

ทำไมดอลลาร์สหรัฐ ถึงเป็นสกุลเงินหลัก?

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจ ที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศ มักกำหนดราคาซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ และทุนสำรองระหว่างประเทศเองก็มีสัดส่วนทุนสำรองส่วนใหญ่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ เช่น ทองคำ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ และตราสารหนี้ เป็นต้น 

จึงส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์มีอิทธิพลต่อระบบการเงินของโลก และเปรียบเสมือนสกุลเงินหลักของโลก ดังนั้นทิศทางของดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ที่บอกถึงการอ่อนค่าและแข็งค่า มีผลต่อสินค้าและสินทรัพย์ของโลก

ประวัติของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นสกุลเงินหลักของโลกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการเป็นประเทศชนะสงคราม รวมถึงการเกิดขึ้นของระบบการจัดการการเงินที่สำคัญ คือ ระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System) แล้วถูกปรับเปลี่ยนมาใช้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐในช่วง 1973 จนถึงปัจจุบัน

ระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System)

ระบบเบตรตตันวูดส์เป็นระบบที่สร้างเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้มีเสถียรภาพ โดยกำหนดการแปลงดอลลาร์สหรัฐเป็นทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และใช้สกุลเงินดอลลาร์ผูกกับทองคำเพียงสกุลเงินเดียว ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกที่ถือสกุลเงินดอลลาร์ สามารถนำมาแลกเป็นทองคำในอัตราที่กำหนด แต่ระบบเบรตตันวูดส์ได้ถูกประกาศยกเลิกใช้ไป เนื่องจากระบบนี้ทำให้การค้าของโลกโตขึ้นแบบก้าวกระโดด 

แต่สหรัฐอเมริกากลับเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการใช้จ่ายในการทำสงคราม ทำให้งบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่อง สหรัฐอเมริกาจึงมีการพิมพ์เงินออกมาเพื่อชดเชยงบขาดดุลที่เกิดขึ้นจนทำให้ปริมาณสกุลเงินดอลลาร์ในเศรษฐกิจโลกมากกว่าปริมาณทองคำ จึงทำให้ความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์ลดลง ส่งผลให้ประเทศที่ถือดอลลาร์นำไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำแทน

ปรับเปลี่ยนมาใช้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1973 หลังจากที่ระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System) ได้ถูกยกเลิกไปและเป็นช่วงเวลาที่ระบบการเงินโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีดอลลาร์ (DXY) จึงถูกสร้างเพื่อนำมาใช้ในการช่วยวัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ และในช่วงเริ่มแรก ดัชนีดอลลาร์ ได้ถูกกำหนดตั้งไว้ที่ 100 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดอลลาร์ได้เกิดความผันผวนตลอดหลายทศวรรษตามสภาวะทางเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงิน และสภาวะตลาดต่าง ๆ ซึ่งดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 164 ดอลลาร์ ในปี 1985 และอยู่ระดับต่ำสุดที่ 70.698 ดอลลาร์ ในปี 2008 (เป็นปีที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์)

การอ่อนค่าและแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

หลัก ๆ ในการทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า มีอยู่ 2 อย่าง คือ

• คนเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต
• คนกลัวการลงทุน เลือกที่จะถือเงินสด

ส่วนสิ่งที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า คือ เศรษฐกิจอ่อนแอ การเคลื่อนไหวของราคาทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับ Demand และ Supply เพราะถ้า Demand มากกว่า Supply ราคาก็จะขึ้น แต่ถ้า Supply มากกว่า Demand ราคาก็จะลดลงนั่นเอง

ปัจจัยที่ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอ่อนค่า

หากจะวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มสกุลเงินดอลลาร์ ยังมีปัจจัยอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าสกุลเงินดอลลาร์และเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา โดยมี 3 ปัจจัยหลักดังต่อไปนี้

1. การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

เศรษฐกิจเติบโตดีหรือผลตอบแทนในตลาดทุนสหรัฐฯ สูง แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และหากเศรษฐกิจถดถอย/ ชะลอตัว หรือผลตอบแทนในตลาดทุนสหรัฐฯ ต่ำลง แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า

2. การค้าระหว่างประเทศ

ดุลการค้าระหว่างประเทศ จะส่งผลต่อการแข็งค่าและอ่อนค่า หากเกิดการเกินดุลการค้า ส่งผลให้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่า และหากขาดดุลการค้า ส่งผลให้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า

3. นโยบายทางการเงิน

การกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพื่อควบคุมเสถียรภาพทางการเงิน และควบคุมภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืด เช่น หากมีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ในทางกลับกันหากมีการลดดอกเบี้ยนโยบาย แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง และหากมีนโยบายเพิ่มสภาพคล่องหรืออัดฉีดเม็ดเงิน แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง เป็นต้น

——————–🐣——————–

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USDX) ดูค่าอย่างไร?

การดูค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะดูตามการเปลี่ยนแปลง โดยเทียบกับสกุลเงินหรือเทียบกับทองคำ (XAU/USD) หรือน้ำมัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ต้องการดูหรือช่วงปัจจุบันกับช่วงเวลาก่อนหน้านั้น

โดยค่าดัชนีดอลลาร์ ได้ถูกกำหนดตั้งไว้ที่ 100 ดอลลาร์ หมายความว่า หากดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 160 ดอลลาร์ จะหมายถึงเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 60% ในทางกลับกัน หากดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 70 ดอลลาร์ จะหมายถึงเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 30% เป็นต้น

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) มีความสำคัญอย่างไร?

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) สามารถบอกแนวโน้มค่าสกุลเงินต่าง ๆ และราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ เช่น ราคาทองคำหรือราคาน้ำมัน เนื่องด้วยการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ใช้ดอลลาร์ในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย ดังนั้น หากดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีการปรับตัวสูงขึ้น เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สามารถนำเงินดอลลาร์จำนวนน้อยลงซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิมได้

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกับแนวโน้มราคาทองคำ

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐสามารถบอกแนวโน้มของราคาทองคำได้ โดยส่วนใหญ่ตลาดซื้อขายทองคำก็มักใช้ดัชนีดอลลาร์กับทองคำ (XAU/USD) มาประกอบการวิเคราะห์ราคาซื้อขายทองคำ ซึ่งดัชนีดอลลาร์สหรัฐแปรผกผันกับทองคำ

• ดัชนีดอลลาร์มีการปรับตัวสูงขึ้น = ราคาทองคำจะมีการปรับตัวลง 
• ดัชนีดอลลาร์มีการปรับตัวลง = ราคาทองคำจะมีการปรับตัวสูงขึ้น 

ในช่วงที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอนหรือเศรษฐกิจตกต่ำ นักลงทุนมักหันมาซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง 

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกับแนวโน้มราคาน้ำมัน

สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกและราคาน้ำมันดิบแต่ละบาร์เรลมีการซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ จึงสามารถบอกแนวโน้มของน้ำมันได้ ซึ่งดัชนีดอลลาร์สหรัฐแปรผกผันกับน้ำมัน

• ดัชนีดอลลาร์มีการปรับตัวสูงขึ้น = ราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวลง 
• ดัชนีดอลลาร์มีการปรับตัวลง = ราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวสูงขึ้น 

——————–🐣——————–

การวิเคราะห์ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนจำเป็นต้องใช้จังหวะการลงทุน และเมื่อพูดถึงการลงทุนในดัชนีดอลลาร์สหรัฐ มีการวิเคราะห์ 2 ประเภท ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือขาย ได้แก่

1) Technical Analysis

เป็นการใช้ข้อมูลเชิงสถิติและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตนำมาวิเคราะห์ ซึ่งสามารถใช้กับดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต นักลงทุนจำนวนมากจะใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคนี้ เพื่อหาระดับราคาว่าราคาใดที่ตลาดสามารถพลิกกลับมาได้

2) Fundamental Analysis

การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐานและวิเคราะห์จากการประกาศข่าวเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เพื่อคาดการณ์แนวโน้มและทิศทางที่ตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไป ข่าวที่เกี่ยวข้องมากที่สุดจะเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา เช่น การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน นโยบายของธนาคารกลาง ยอดค้าปลีก และอื่น ๆ 

——————–🐣——————–

การลงทุนในดัชนีดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนสามารถลงทุนในดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้หลากหลายรูปแบบ โดยรูปแบบหลัก ๆ ที่นิยมลงทุนมี 3 รูปแบบ ดังนี้

ซื้อเก็บเงินดอลลาร์

เป็นการลงทุนง่าย ๆ ที่มีมานาน แค่ซื้อเงินสกุลดอลลาร์มาเก็บไว้และแลกคืนเมื่อได้กำไร เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็นจำนวนมาก เนื่องจากอาจใช้ระยะเวลานานและต้นทุนที่ลงทุนค่อนข้างสูง 

ลงทุนกองทุนตลาดเงิน

เป็นการลงทุนผ่านผู้จัดการกองทุน โดยเลือกกองทุนที่มีนโยบายที่เหมาะสมและสามารถทำกำไรได้ดีในระยะยาว สามารถลงทุนได้ง่าย ใช้เงินทุนจำนวนไม่เยอะมาก เหมาะกับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว

การเทรด Forex 

การเทรด Forex เป็นการเทรดสกุลเงินต่างประเทศที่สามารถเทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ โดยสามารถลงทุนได้ 3 รูปแบบ คือ 

• ซื้อขายสกุลเงินจริง ๆ บนตลาดสปอต (Spot Market) 
• เทรดสัญญาฟิวเจอร์สอ้างอิงค่าเงิน 
• CFD (Contract for Difference) เป็นการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ประเภทหนึ่ง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Dollar Index

DXY ย่อมาจากอะไร?

DXY ย่อมาจาก U.S. Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

Dollar Index ดูยังไง?

การดูค่า Dollar Index ดูจากการแปลงเปลี่ยนตามช่วงเวลาที่ต้องการดูหรือช่วงเวลาปัจจุบันเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า โดยค่าเริ่มต้นของ Dollar Index อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ (ถูกกำหนดในปี 1985) หาก Dollar Index สูงขึ้นกว่า 100 ดอลลาร์ นั่นหมายถึง ดอลลาร์แข็งค่า และหาก Dollar Index ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ นั่นหมายถึง ดอลลาร์อ่อนค่า 

โดยคุณสามารถติดตามดู Dollar Index ได้ที่ Investing เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ครับ

ดัชนีดอลลาร์ขึ้นหรือลงแสดงว่าอะไร?

ดัชนีดอลลาร์ขึ้นหรือลง คือ การแสดงถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ 6 สกุล ซึ่งการขึ้นหรือลงของดัชนีดอลลาร์จะบอกถึงการแข็งค่าและอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) และสามารถแสดงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจหรือแนวโน้มของตลาดการเงินได้

DXY กับ ทองคำมีความสัมพันธ์อย่างไร?

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แปรผกผันกับทองคำ เนื่องจากทองคำมักถูกซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐการแข็งค่าอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจึงส่งผลต่อราคาทองคำ

สรุป Dollar Index คืออะไร ?

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) คือ ดัชนีชี้วัดมูลค่าดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญต่อนักลงทุน เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก แนวโน้มของดัชนีดอลลาร์ จึงมีผลต่อแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ หากเราเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลกระทบและแนวโน้มของดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะทำให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มสกุลเงินดอลลาร์และสกุลเงินอื่น ๆ ได้ ดังนั้น นักลงทุนอาจใช้แนวโน้มดัชนีดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ในการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน ตลาดเงินต่าง ๆ และตลาด Forex ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดอลลาร์สหรัฐไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อตลาดการเงินและตลาด Forex ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยด้านเทคนิค เพื่อเป็นประโยชน์ในการลงทุนครับ