Altcoin คือ?
Altcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ไม่ใช่ Bitcoin มาจากคำว่า ‘Alternative’ แปลว่า ‘ทางเลือก’ และ ‘Coin’ แปลว่า ‘เหรียญ’ นั่นก็คือ เหรียญทางเลือกที่นอกเหนือจาก Bitcoin เพราะหลังจากที่บิทคอยน์ได้กำเนิดขึ้นในปี 2008 ก็ถือเป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจและเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนทั่วโลก อยากที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองบ้าง
โดยเหรียญ Altcoin นั้นมีมากกว่า 5,000 สกุล ทั่วโลก โดยประมาณ ปี 2018 ถือเป็นช่วงที่ Altcoin ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีการเทรดเหรียญ Ethereum เกือบ 30% ของตลาด ทำให้เห็นว่า เริ่มมีการเทรด Altcoin เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
4 อันดับ Altcoins ที่น่าจับตามอง
1. Ethereum (ETH)
Ethereum (ETH) หรือ ‘อีเธอร์’ คือ Altcoin ชื่อดังที่มีการเทรดในตลาดสูงมาก ซึ่ง ETH ถือเป็นหนึ่งในเหรียญดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำงานอยู่เบื้องหลัง โดย Ethereum นั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2015 และไม่ได้เป็นแค่สกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มบนเครือข่ายบล็อกเชนที่ทำงานด้วย Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) ซึ่งเอื้อให้เหล่านักพัฒนาสามารถมีส่วนร่วมในการเขียนโปรแกรม แก้ไข หรือดัดแปลงโค้ด และสร้างแอพพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ หรือ Dapps (Decentralized Application) ได้ ETH จึงได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นจำนวนมาก
2. Ripple (XRP)
Ripple หรือ XRP คือ Altcoin สกุลหนึ่งและเป็นแพลตฟอร์ม Blockchain ที่เริ่มใช้ในปี 2013 โดย Jed McCaleb (ผู้ก่อตั้งเหรียญ Stellar) โดย XPR นั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาการโอนเงินข้ามประเทศให้มีความโปร่งใส และ Real Time มากขึ้น
ระบบการทำงานของ XRP นั้นจะเป็นระบบแบบ Centralized หรือเรียกได้ว่าเป็นระบบปิดซึ่งไม่ได้สร้างมาให้คนทั่วไปเข้ามาทำธุรกรรมร่วมกันได้เหมือนเหรียญอื่น ๆ หรือพูดง่าย ๆ ว่า มีเพียงธนาคารหรือบางหน่วยงานเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ ปัจจุบันบริษัทหลายแห่งทั่วโลกและธนาคารหลายแห่งในไทยต่างก็เริ่มให้ความสนใจและเริ่มทดลองใช้ XPR ในการพัฒนาระบบการโอนเงินระหว่างประเทศให้มีความรวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น
3. Litecoin (LTC)
Litecoin หรือ LTC เป็นเหรียญดิจิทัล Peer to peer และเป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่ทำงานบนระบบบล็อกเชน และไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐหรือองค์กรใด ๆ ซึ่ง LTC นั้นได้พัฒนามาจาก Bitcoin แต่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างระบบที่ดีกว่า Bitcoin ทั้งหมด 3 ด้านด้วยกัน คือ ค่าธรรมเนียมที่ถูกลง, ความรวดเร็วในการประมวลผลธุรกรรม และการกระจายอำนาจที่มากยิ่งขึ้น (Decentralized) ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนก็ได้ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากเหรียญ LTC ได้รับการสนับสนุนจากตลาดในวงกว้าง มูลค่าเหรียญจะเติบโตได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน
4. Bitcoin Cash (BCH)
Bitcoin Cash หรือ BCH คือ Altcoin เหรียญดิจิทัลที่มีลักษณะเด่นหลายอย่างคล้ายคลึงกับ Bitcoin (BTC) โดย BCH นั้นได้แยกตัวออกมาจาก Bitcoin โดยใช้วิธีที่เรียกว่า Hard Fork ซึ่งเป็นการแบ่งเครือข่าย และสร้างบล็อกเชนขึ้นมาใหม่จาก BTC เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ Bitcoin นั้นมีข้อจำกัดในเรื่องการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งเคยมีสถิติในการทำธุรกรรมที่กินเวลานานถึง 3 วัน
Bitcoin Cash จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยมีการเพิ่มขนาดบล็อกให้ใหญ่ขึ้นถึง 8 MB ซึ่งส่งผลให้ BCH มีความสามารถในการประมวลผลและตรวจสอบธุรกรรมได้เร็วกว่า Bitcoin หลายเท่า นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมให้ต่ำลงได้อีกด้วย ดังนั้น Bitcoin Cash จึงเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างสูงในอนาคต
สรุป
การเลือกจะเทรดเหรียญคริปโตสักเหรียญนั้น เราต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยเพื่อประกอบการตัดสินใจ และศึกษาเหรียญต่าง ๆ อย่างละเอียด เพราะเราไม่ควรลงทุนในอะไรก็ตามที่เราไม่เข้าใจ เนื่องจาก การเทรดสกุลเงินดิจิทัลก็ถือเป็นการลงทุนอีกทาง และเหรียญส่วนใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์เฉพาะทางสักอย่าง และเราไม่ควรเอาเงินทั้งหมดมาลงทุนกับเหรียญแค่เหรียญเดียว ดังนั้น หากนักลงทุนมีความเข้าใจและศึกษาปัจจัยหลาย ๆ ด้านของเหรียญอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้การลงทุนของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
———————————————————————————————————————————————————————————————
Source: Medium
อ่านบทความเพิ่มเติม: GoTradeHere
