สำหรับกลยุทธ์การเทรดที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้คือการ Buy On Dip อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรู้จุดทำกำไรเมื่อตลาดอยู่ในช่วงตลาดขาลงระยะสั้น ซึ่งเทคนิคนี้สามารถประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์อื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น Price Action, Chart Pattern หรือการใช้ Indicator ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้แก่ตัวเทรดเดอร์ แล้ว Buy On Dip คืออะไร ? มีประโยชน์และวิธีใช้อย่างไร ? ติดตามกันต่อได้ในบทความนี้เลยครับ
———————————— 🐣 ————————————
Buy On Dip คืออะไร
Buy On Dip หรือ Buy The Dip คือ กลยุทธ์การทำกำไรเมื่อตลาดมีการปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวตลาดยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยกลยุทธ์นี้มีหลักการคือการกำหนดจุดเข้าซื้อ (Dip) เมื่อตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะสั้นและทำการขายเมื่อราคากลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือเรียกกันง่ายว่า “ซื้อมาถูกแล้วขายแพง” นั่นเอง ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ใช้ต้นทุนในการลงทุนน้อยลงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นครับ
กลยุทธ์ Buy On Dip เลือกใช้ในตอนไหนได้บ้าง?
- ใช้เมื่อราคามีการกลับตัวเป็นขาลงระยะสั้น
- ใช้ในช่วงตลาดเป็นเทรนด์ขาขึ้น (Up Trend)
- ใช้กับการเทรดในสินทรัพย์ที่ราคามีความแข็งแกร่ง, มีพื้นฐานดีและมีแนวโน้มเติบโตสูง
กลยุทธ์ Buy On Dip เหมาะกับใครบ้าง?
สำหรับกลยุทธ์อย่าง Buy On Dip เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิเคราะห์กราฟ สามารถวิเคราะห์แนวโน้มหรือใช้เครื่องมืออื่น ๆ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์กราฟได้ เช่น การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน หรือการใช้ Indicator เป็นต้น และอย่างที่ได้กล่าวไป Buy On Dip เหมาะกับการทำกำไรในระยะสั้น ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการใช้เพื่อทำกำไรในระยะยาวครับ
ข้อดีและข้อเสียของการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
ข้อดีของการใช้ Buy On Dip
- ช่วยลดต้นทุนในการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนเมื่อราคากลับตัวเป็นฝั่งขาขึ้น
- สามารถใช้งานได้ดีเมื่อตลาดเป็นเทรนด์ขาขึ้น (Up Trend)
- กระจายการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง
ข้อเสียของการใช้ Buy On Dip
- ไม่มีการรับประกันว่าราคาที่ปรับตัวลงจะดีดตัวกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนได้
- ไม่เหมาะใช้เมื่อตลาดเป็นเทรนด์แบบ Sideway หรือมีความผันผวนสูง
ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip คือ หากราคาไม่มีการดีดตัวกลับเป็นขาขึ้นแต่ราคายังคงตกลงอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนจากการลงทุนได้ครับ และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นข้อจำกัดของการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip คือ กลยุทธ์นี้ไม่สามารถใช้ได้กับ Down Trend และ Sideway เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่าหากราคาไม่ดีดตัวกลับเป็นขาขึ้น เมื่อราคามีการกลับตัวลดลงในระยะสั้นครับ
วิธีการใช้และการสังเกตจุด Buy On Dip
เทรดเดอร์จะต้องสังเกตกราฟราคาว่า ณ ตอนนั้น แนวโน้มกราฟราคาเป็นเทรนด์ขาขึ้น (Up Trend) หรือไม่? จากนั้นสังเกตจุดที่ราคากลับตัวเป็นขาลงระยะสั้น โดยจะมีกราฟแท่งเทียนสีแดงจำนวนหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้บริเวณที่เกิดการกลับตัวของราคาขาลงระยะสั้นเป็นจุดเข้าซื้อเพื่อให้ได้ราคาซื้อที่ถูกที่สุด จากนั้นรอสัญญาณกลับตัวของราคาเป็นฝั่งขาขึ้นแล้วขายในจุดที่ดีที่สุดเพื่อทำกำไรครับ
วิธีการลดความเสี่ยงจากการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
เนื่องจากการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip มีความเสี่ยงและข้อจำกัดตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ “ข้อดีและข้อเสียของการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip” และ “ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip” และในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์นี้ครับ
📌การใช้ Stop Loss จุดตัดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ Buy On Dip
เทรดเดอร์สามารถตั้งจุด Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ราคาไม่มีการกลับตัวเป็นขาขึ้นแต่ยังคงเคลื่อนที่ในทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่อง การตั้งจุด Stop Loss จะช่วยป้องกันการขาดทุนเกินระดับที่เทรดเดอร์ตั้งไว้ โดยการตั้ง Stop Loss สามารถตั้งไว้ในจุดที่ต่ำกว่าราคาที่เราเข้าซื้อครับ
📌 การสังเกตรูปแบบกราฟแท่งเทียน Price Action เพื่อยืนยันแนวโน้มก่อนใช้ Buy On Dip
เทรดเดอร์สามารถสังเกตรูปแบบกราฟแท่งเทียน Price Action เพื่อยืนยันแนวโน้มทิศทางราคาก่อนการใช้ Buy On Dip เพื่อลดความเสี่ยงกรณีราคาอาจมีการกลับตัวเป็นทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Price Action จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้ด้วยตาเปล่าครับ
ยกตัวอย่างเช่น จากกราฟเทรดเดอร์จะเห็นบริเวณที่กราฟมีลักษณะเป็น Morning Doji Star หมายถึงสัญญาณบ่งบอกว่า มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัวจากแนวโน้มขาลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้จุดนี้เป็นจุดเข้าซื้อ จากนั้นรอให้ราคากลับตัวเป็นทิศทางขาขึ้นและขายเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ยังมีสัญญาณ Three White Soldier ที่ช่วยยืนยันแนวโน้มขาขึ้นเช่นกันครับ
✨ Price Action คือ พฤติกรรมราคาที่ถูกส่งออกมาผ่านรูปแบบของกราฟ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มทิศทางราคาได้ด้วยตาเปล่า
👉🏼อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : >> มัดรวม! แท่งเทียน Price Action ทั้ง 12 แบบ คลิกเลย <<
📌 การใช้ Indicator : Bollinger Bands สำหรับยืนยันเทรนด์ตลาดขาขึ้น
เทรดเดอร์สามารถใช้ Bollinger Bands ในการระบุเทรนด์ตลาด ณ ตอนนั้นว่าเป็นเทรนด์แบบ Up Trend, Down Trend หรือ Sideway ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถมองทิศทางราคาในตลาดได้ง่ายขึ้นและเหมาะสำหรับมือใหม่ ซึ่งมีหลักการใช้งาน ดังนี้
- หากราคาอยู่ในระดับตั้งแต่ Middle Bands ขึ้นไปจนถึง Upper Bands หมายถึง ตลาดอยู่ในช่วงเทรนด์ขาขึ้น (Up Trend)
- หากราคาอยู่ในระดับตั้งแต่ Middle Bands ลงไปจนถึง Lower Bands หมายถึง ตลาดอยู่ในช่วงเทรนด์ขาลง (Down Trend) ไม่เหมาะกับการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
- หากราคาอยู่ในระดับตั้งแต่ Upper Bands ไปจนถึง Lower Bands หมายถึง ตลาดอยู่ในช่วง Sideway ไม่เหมาะกับการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip
นอกจากนี้ Bollinger Bands ยังสามารถใช้เป็นเส้นแนวรับ-แนวต้านให้กับเทรดเดอร์ได้เช่นกัน ซึ่งเส้นแนวรับ-แนวต้านจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการเทรดและหาจุดเข้าซื้อและจุดขายที่ดีที่สุดได้เช่นกันครับ
📣 สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่นอกจาก Indicator อย่าง Bollinger Bands ยังมีเครื่องมือประเภทอื่น ๆ ที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มหรือทิศทางราคาได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น RSI Indicator หรือ Moving Average เป็นต้น และถ้าหากว่าเทรดเดอร์มือใหม่ยังสงสัยเรื่อง Indicator สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความด้านล่างนี้เลยครับ
📌 ลดความเสี่ยงด้วยการกระจายจุดเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวในระยะสั้น
เทรดเดอร์สามารถใช้การกระจายจุดเข้าซื้อเมื่อราคามีการปรับตัวลดลงในระยะสั้นแทนการซื้อด้วยเงินทุนทั้งหมดในจุดเดียว เพราะไม่มีสิ่งยืนยันหรือการันตี 100% ว่าราคาที่ปรับตัวลงจะดีดกลับเป็นฝั่งขาขึ้น หากราคายังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเข้าซื้อด้วยเงินทุนทั้งหมดในจุดเดียวจะส่งผลให้เทรดเดอร์สูญเสียหรือขาดทุนในจำนวนมาก แต่หากเทรดเดอร์มีการกระจายจุดเข้าซื้อจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นเช่นกันครับ
———————————— 🐣 ————————————
สรุปเกี่ยวกับกลยุทธ์ Buy On Dip
Buy On Dip หรือ Buy The Dip คือ กลยุทธ์การลงทุนรูปแบบหนึ่งที่อาศัยการทำกำไรจากการปรับตัวลงของราคาในระยะสั้น ๆ โดยใช้หลักการเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวย่อลงในระยะสั้น และขายเมื่อราคาดีดตัวกลับเป็นฝั่งขาขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ซื้อถูกแล้วขายแพง” ซึ่งการ Buy On Dip มีข้อดีต่อตัวเทรดเดอร์ดังนี้ครับ
- ช่วยลดต้นทุนในการลงทุน
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรและได้รับผลตอบแทน
- สามารถช่วยกระจายความเสี่ยง
แต่อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์ Buy On Dip ก็มีข้อจำกัดที่เทรดเดอร์จะต้องพึงระวังเสมอ คือ การใช้กลยุทธ์การเทรด Buy On Dip จะสามารถใช้ได้เมื่อตลาดอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น (Up Trend) และไม่มีสิ่งยืนยันหรือการันตีว่าราคาที่ปรับตัวลดลงในระยะสั้นจะดีดตัวกลับเป็นฝั่งขาขึ้นและส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุนได้ครับ
⚠️ สุดท้ายนี้ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน และบทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ ไม่ใช่การแนะนำหรือชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใดครับ |
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News