ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น และถือเป็นความท้าทายที่ก้าวหน้าไปอีกขั้นของโลก ซึ่ง Fintech ก็คือหนึ่งในเทคโนโลยีเหล่านั้น โดยเป็นวัตกรรมที่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเงิน เป็นเหมือนอาวุธทางการค้าที่จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สังเกตง่าย ๆ จากรอบตัว เช่น ตู้ ATM ที่ช่วยให้เรากดเงินสดได้สะดวกเพียงแค่มีบัตร รวมไปถึงการโอนเงินเพียงแค่ปลายนิ้ว สิ่งเหล่านี้เราเรียกมันว่า Fintech
Finetech คือ อะไร?
Fintech ย่อมาจาก Financial Technology เป็นการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับทางด้านการเงิน เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ด้านการเงิน ทำให้คนสามารถใช้จ่ายเงินได้ง่ายขึ้น การนำเงินอนาคตมาใช้ รวมไปถึงการลงทุนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จทางด้านการลงทุนมากขึ้น เช่น เมื่ออดีตเราอาจต้องใช้เงินสดจ่ายค่าข้าว แต่ในปัจจุบันมีการโอน หรือสแกน QR Code สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
Fintech มีกี่รูปแบบ?
เทคโนโลยีทางการเงิน แบ่งออกได้กว้าง ๆ เป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. Banking Technology
การนำเทคโนโลยีมาใช้กับระบบธนาคาร ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่เราคุ้นชิน เช่น การทำธุรกรรมต่าง ๆ ทางออนไลน์ ทั้งเช็กยอดบัญชี โอนเงิน จ่ายบิล และอื่นๆ
2. Crowdfunding Platforms
แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการระดมทุนระหว่างผู้ประกอบการและนักลงทุน มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการขอและให้เงินทุน แทนที่ผู้ประกอบการจะต้องไปขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร
3. Cryptocurrency
ถือเป็น Fintech ที่กำลังมาแรงมากที่สุด โดยคริปโตหรือเงินสกุลดิจิทัลที่เรารู้จักกัน โดยส่วนใหญ่แล้วถูกนำมาใช้ในด้านการลงทุนและการเก็งกำไร แต่คริปโตก็สามารถใช้จ่ายได้เช่นกัน แต่ไม่เป็นที่นิยมในบุคคลทั่วไป
4. Payment
ระบบการใช้จ่ายเงินที่ดำเนินการด้วยเทคโนโลยี หรือเป็นเหมือนตัวแทนการจ่ายเงิน เช่น E-Wallet และ เครดิตการ์ด เราเรียกว่า ระบบ Payment ซึ่งจะแตกต่างกับ Mobile Banking เนื่องจากแพลตฟอร์มไม่ใช่ธนาคาร
5. Enterprise Financial Software
ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่จะช่วยผู้ประกอบการในเรื่อง การจัดการทางด้านการเงิน เช่น ระบบจ่ายเงินเดือน-ภาษี และการจัดการบัญชี
6. Investment Management
เทคโนโลยีที่จะช่วยจัดการทางด้านลงทุน ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันลงทุนใน Private fund, ทองคำ รวมไปถึงกองทุนรวม
7. Insurtech
เทคโนโลยีประกันภัย ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง และการคำนวณมีความซับซ้อน ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยทั้งด้านการคำนวณเบี้ยประกัน ผลตอบแทน และความเสี่ยง จะทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ข้อดีของ Fintech คือ อะไร?
สำหรับบุคคลทั่วไปเราใช้ Fintech ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมถึงสามารถขอสินเชื่อ และลงทุนได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ Fintech ยังก่อให้เกิดตลาดใหม่จากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเงินทุนหมุนเวียน, Supply Chain, กระบวนการชำระเงิน, การฝาก/ถอน, ประกันชีวิต และอื่น ๆ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลายอุตสาหกรรมในอนาคต
มุมมองอนาคตของ Fintech
เนื่องจากปัจจุบันเป็นโลกแห่งยุคจิทัล และอินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการได้ ดังนั้น ในอนาคตการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ๆ จึงเข้ามาแทรกอยู่ในโลกดิจิทัลได้ไม่ยาก แต่แน่นอนว่า ทุกสิ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดย Fintech มีจุดอ่อนด้านกฎเกณฑ์ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน ทำให้มีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้โอกาสที่ทั่วโลกจะยอมรับเทคโนโลยีแบบเดียวกันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ตาม Fintech เป็นเหมือนดาบสองคม และยังเป็นความท้าทายของโลกอนาคต เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่แตกต่างกัน และสามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย ซึ่งผู้ใช้ก็สามารถเปลี่ยนแพลตฟอร์มการใช้งานได้ทุกเมื่อ ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงจาก Disruption ตลอดเวลา
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News