NFT ได้รับความนิยมจากกระแสการใช้งานในโลกของเกม แต่ที่จริงแล้วเราสามารถใช้งานได้หลากหลายมากแบบที่หลายคนนึกไม่ถึง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันว่า สิ่งนี้คืออะไร แล้วนักลงทุนควรต้องรู้อะไรบ้าง
NFT คือ อะไร?
NFT หรือ Non-Fungible Token คือ โทเค็นที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ทำให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์นั้นๆ ได้ โดยแต่ละโทเค็นจะความแตกต่างกัน ไม่ต่างอะไรจากของสะสมหรือของมีมูลค่า ที่แต่ละชิ้นก็จะมีลักษณะเฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ ที่แต่ละคันก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ถ้าเพื่อนมายืมรถของเราไปขับ เพื่อนก็จะเป็นต้องเอารถคันเดิมของเรามาคืน
โดยการทำงานของ NFT คือ เราสามารถเอาสินทรัพย์เฉพาะตัวที่มี มาออกเป็นโทเค็นดิจิทัลได้ เช่น สมมติเรามีภาพวาดนึงที่ทำขึ้นมาเอง มีมูลค่า 5 แสนบาท ตัวเราอยู่ในประเทศไทย และคนที่ต้องการซื้ออยู่ที่อเมริกา การซื้อขาย ทำธุรกรรมทางการเงิน และ การขนส่งภาพจริง ก็จะทำได้ยากและต้นทุนสูง แต่ถ้าเราเอาภาพนั้นแปลงมาออกเป็นโทเค็นดิจิทัล เราก็จะสามารถหาผู้ซื้อจากที่ไหนก็ได้ โดยทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลทั้งหมด และผู้ซื้อก็จะได้ความเป็นเจ้าของงานศิลปะนั้นได้อย่างรวดเร็ว ในต้นทุนที่ต่ำกว่าการทำธุรกรรมแบบเดิม ๆ
ลักษณะเฉพาะตัวของ NFT
NFT ส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นบน Ethereum โดยใช้มาตรฐาน ERC-721 และ ERC-1155 ซึ่งสินทรัพย์ที่นำมาทำ Token นั้นอาจจะเป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอยู่แล้ว เช่น การ์ดเกม งานศิลปะ ของสะสม หรือแม้กระทั่งชื่อเสียงของศิลปินเอง ซึ่งเรื่องนี้เองเป็นความน่ามหัศจรรย์ของสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะรูปแบบของสินทรัพย์สามารถเป็นไปได้หลากหลายประเภทมาก ๆ
ความแตกต่างของ NFT (Non-Fungible Token) แต่ละเหรียญ
ความแตกต่างของ NFT (Non-Fungible Token) แต่ละเหรียญซึ่งมีความแตกต่างด้วยกัน 3 เรื่อง ได้แก่
Unique – โครงสร้างภายในของโทเค็นมีลักษณะเฉพาะ
Rare – ความหายากของโทเค็น อาจจะมีการจำกัดจำนวนโทเค็น
Indivisible – ไม่สามารถแบ่งซื้อขายเป็นหน่วยย่อยได้ ต้องซื้อขายเต็มจำนวนเท่านั้น เช่น ไม่สามารถซื้อเพียง 50% ของมูลค่าได้
Fungible Token คืออะไร?
Fungible Token คือ โทเค็นที่ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตัว อันไหนก็สามารถแทนกันได้ เช่นสมมติว่าเพื่อนมายืมน้ำตาลที่บ้านไป แบบนี้เพื่อนก็เอาน้ำตาลถุงไหนมาคืนก็ได้ เนื่องจากแต่ละถุงก็เหมือนๆ กัน หรือถ้าเพื่อนยืมบิทคอยน์ของเราไป 1 BTC เพื่อนก็จะสามารถเอาบิทคอยน์อันไหนมาคืนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอันเดิม ต่างจาก Non-Fungible Token
ประโยชน์ของ NFT คือ อะไร?
NFT ถือเป็นประโยชน์กับทั้งตัวผู้ซื้อ-ขายผลงาน เพราะนอกจากจะทำให้การซื้อขายของสะสม งานศิลปะ หรือของหายากอื่นๆ เกิดขึ้นบนโลกดิจิทัลได้อย่างง่ายดายแล้ว ก็ยังเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุนที่สามารถซื้อขายทำกำไรโทเค็นเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ และที่สำคัญหากมองไปถึงต้นทุนเรื่องความปลอดภัยและการเก็บรักษาแล้วนั้น การถือครองสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลอาจทำให้ต้นทุนการถือครองของนักลงทุน/นักสะสมลดลงด้วยเช่นกัน จนอาจเปลี่ยนแปลงวงการนักลงทุนและนักสะสมไปได้อย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่างการใช้งาน NFT
NFT (Non-Fungible Token) ได้รับความสนใจในวงการเกมค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการเริ่มต้นใช้งานเรียบร้อย จนพิสูจน์มาแล้วว่าได้รับความสนใจและมีประโยชน์ วันนี้เราจะลองมาดูตัวอย่างการใช้งานกัน
NFT คือ การช่วยเพิ่มมูลค่าของงานศิลปะ
หากเมื่อหลายปีก่อน มีคนมาบอกว่า คุณสามารถขายงานศิลปะได้ในรูปแบบดิจิทัล เราคงนึกถึงการวาดภาพขายบนอินเทอร์เน็ต ที่คุณสามารถกดเซฟรูปภาพ และส่งต่อให้เพื่อนๆ ของคุณดูได้ ซึ่งแม้จะสามารถส่งต่องานศิลปะได้จริง แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่า การทำแบบนี้นอกจากเงินที่จ่ายซื้อผลงานนั้นแล้ว ผลงานนั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาอีกได้อย่างไร แต่ในโลกยุคดิจิทัลแบบในปัจจุบัน การซื้อขายงานศิลปะบนดิจิทัลนั้นสามารถเกิดขึ้น พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มได้ไม่ต่างจากการซื้อขายงานศิลปะทั่วไป ด้วยการใช้ Non-Fungible Token เราลองว่าทายกันดูว่าภาพด้านล่างนี้ มีราคาเท่าไร?
ขอให้คำใบ้เพิ่มเติมว่า ภาพน้องแนวที่น่ารักภาพนี้ เป็นเกมบน Blockchain ของ Ethereum ที่มีชื่อว่า Cryptokitties โดยเราสามารถสะสมการ์ดและผสมพันธุ์น้องแมวได้ ซึ่งน้องแมวแต่ละตัวจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน และผู้ที่ครอบครองยังแสดงความเป็นเจ้าของได้อีกด้วย
สรุปคือ มีคนซื้อการ์ดน้องแมวตัวนี้ที่ราคา 600 ETH หรือในตอนนั้นมีมูลค่าประมาณ 390,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และนอกจากซื้อขายบนเว็บไซต์แล้ว ยังมีตลาดอื่นๆ ที่รองรับอีก เช่น Opensea ทำให้นักลงทุนสามารถเอาน้องแมวนี้ไปขายต่อทำกำไรได้ เป็นโอกาสในการลงทุนได้อีก
วงการเกม
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือ Sorare เป็นเกมการ์ดนักฟุตบอลที่เปรียบเสมือนการผสมผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง โดยมี League football ดังเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว อย่างเช่น Serie A และ Bundesliga เป็นต้น ซึ่งจะแบ่งสีการ์ดตามความหายากของการ์ด เช่น การ์ดสีดำมี 1 ใบ, การ์ดสีฟ้ามี 10 ใบ และการ์ดสีแดงมี 100 ใบ โดยการซื้อขายจะเกิดขึ้นบน NFT ทั้งหมด
สรุป
Non-Fungible Token หรือ NFT นั้นทำให้เราสามารถใช้งาน Blockchain ได้หลากหลายกว่าที่เคย โดยทำให้ของสะสม งานศิลปะ หรือสินทรัพย์ที่มีคุณค่าต่างๆ สามารถถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ง่ายดายมากขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ จนเกิดโอกาสในการลงทุนให้กับนักลงทุนได้อีกด้วย หลังจากนี้เราคงจะได้เห็นการประยุกต์ใช้ในหลากหลายวงการมากขึ้นในอนาคต