ในปัจจุบันการโอนเงินข้ามบัญชีหรือโอนต่างธนาคารนั้นทำได้ง่าย แต่หากเราต้องการโอนเงินไปยังต่างประเทศ ทราบกันไหมครับว่า ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 300-1,500 บาท (ยิ่งโอนจำนวนมาก ค่าธรรมเนียมยิ่งสูง) ซึ่งนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแล้ว ยังเสียเวลาอีกด้วย เนื่องจากการโอนเงินต่างประเทศต้องใช้เวลาในการทำธุรกรรม 3-7 วันทำการ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการในเรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่ง Stellar คือคำตอบ
Stellar คืออะไร ?
Stellar ได้รับความสนใจในเดือนตุลาคม 2017 หลังจากประกาศความร่วมมือกับ IBM ซึ่งความร่วมมือนี้คาดการณ์ถึงการจัดตั้งช่องทางสกุลเงินที่หลากหลายระหว่างประเทศต่าง ๆ ในแปซิฟิกใต้ เป็นโปรเจกต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่กล่าวไปข้างต้นโดยเฉพาะ ด้วยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาร่วมด้วย ทำให้การโอนเงินอยู่ในรูปแบบการกระจายศูนย์ (Decentralized) หรือไม่ต้องผ่านตัวกลาง และที่สำคัญยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ปลอดภัย และไร้พรมแดน โดยสามารถใช้ได้ทั้งบุคคลและองค์กร
โดยผู้ก่อตั้ง Stellar คือ Jed McCaleb ซึ่งเขาเคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันกับ Stellar แต่ได้ลาออกไป เนื่องจากมีปัญหาหลายอย่าง ๆ ต่อการพัฒนา ทำให้นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า โปรเจกต์ Stellar ที่เกิดขึ้นนั้น ถูกพัฒนามาจาก Ripple ซึ่งมันอาจทำได้ดีกว่ามาก
เป้าหมายของ Stellar
เป็นเทคโนโลยีการชำระเงินที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเชื่อมต่อสถาบันการเงิน ลดต้นทุน และระยะเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการโอนเงินข้ามประเทศเป็นอย่างมาก แต่เครือข่ายการชำระเงินทั้งสองเครือข่ายที่ส่งถึงกันต้องใช้โปรโตคอลเดียวกันในขั้นต้น
การทำงานของ Stellar
การดำเนินการพื้นฐานนั้นคล้ายกับเทคโนโลยีการชำระเงินส่วนใหญ่ แต่จะไม่มีตัวกลาง ซึ่งผู้รับสามารถรับเงินได้โดยตรง ในส่วนเรื่องของระยะเวลาการประมวลผลอยู่ที่ 2-5 วินาที และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากครับ แต่กว่า Stellar จะทำหน้าที่ได้ขนาดนี้ จำเป็นต้องประกอบไปด้วยเซิร์ฟเวอร์หลายตัว ซึ่งเป็นของแต่ละบุคคลหรือองค์กร และทุกตัวจำเป็นต้องเปิด Stellar Core ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะทำการเก็บบล็อกเชนของ Stellar ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และทำการเชื่อมต่อกัน
อีกทั้ง Stellar ยังใช้ระบบ Stellar Consensus Protocol (SCP) ซึ่งใช้แนวคิดเดียวกันกับกลไก Practical Byzantine Fault Tolerance (pBFT) ของ Ripple จึงทำให้การโอนเงินไม่ผ่านตัวกลางอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้สามารถแฮ็กได้ยาก เนื่องจากทำงานร่วมกับบล็อกเชน และคุณสมบัติอบล็อกเชนมีความปลอดภัยสูงมาก
นอกจากนี้ ปัจจุบัน Stellar วางตัวเองเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับการโอนเงินทั่วโลก ช่วยเพิ่มการเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลให้แพร่หลายมากขึ้น เปรียบเสมือนประตูเชื่อมต่อโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัล ทำให้ Stellar ต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ ซึ่งความเร็วในการโอนเงิน คือ ตัวตัดสินว่าคนจะใช้หรือไม่ใช้ระบบนี้ จึงได้มีการพัฒนากลไกที่ว่ามีชื่อว่า SPEEDEX โดยจะช่วยรองรับจำนวนการทำธุรกรรมที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Stellar จะเป็นโปรเจกต์ที่ดีและเป็นประโยชน์ แต่ในอนาคตยังต้องพัฒนาต่อไป เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับบล็อกเชนและคริปโต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลของบางประเทศยังไม่สนับสนุนเครือข่ายดังกล่าว ดังนั้น Stellar จึงต้องหาจุดสมดุลในการทำงานให้ได้
อ่านบทความเพิ่มเติม: Knowledge
อ่านรีวิวโบรกเกอร์อื่น ๆ ได้ที่: Review Broker
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: News